id
stringlengths 3
5
| revid
stringclasses 130
values | url
stringlengths 39
41
| title
stringlengths 3
150
| text
stringlengths 140
119k
|
|---|---|---|---|---|
3885
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3885
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์
|
เมื่อใดที่เราต้องการใช้คำสั่งที่มีผลกับข้อมูลในเซลล์ เช่น คำสั่งที่ทำการแก้ไขข้อมูล หรือคำสั่งลบข้อมูล เราจะต้องระบุเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ที่จะทำงานด้วยก่อนใช้คำสั่งเหล่านั้น ซึ่งมีหลายวิธีดังต่อไปนี้
เลือกเฉพาะเซลล์ช่องใดช่องหนึ่ง
เลือกเซลล์ทั้งแถวในตาราง
เลือกเซลล์ทั้งคอลัมน์ในตาราง
เลือกหลายเซลล์ที่อยู่ติดกันในตาราง
เราสามารถเลือกกลุ่มเซลล์ที่อยู่ติดกันในตาราง โดยระบุเซลล์ที่อยู่มุมบนซ้ายสุดและเซลล์ที่อยู่มุมล่างขวาสุด เพื่อกำหนดขอบเขตของกลุ่มเซลล์ เช่น ถ้าเราต้องการเลือกกลุ่มเซลล์ 15 เซลล์ ดังรูปจะมีขั้นตอนดังนี้
กำหนดขอบเขตกลุ่มเซลล์ที่ต้องการ โดยระบุมุมซ้ายบนสุด (B4) และมุมขวาสุด (D8)
TIP
"ถ้าเราใช้เมาส์ไม่ถนัด มีวิธีที่สามารถเลือกหลายเซลล์ที่อยู่ติดกันในตารางได้โดยคลิกเมาส์เซลล์มุมบนซ้ายสุด (B4) และให้กดปุ่ม ในขณะที่คลิกเมาส์เซลล์มุมล่างขวาสุด (D8) ซึ่งจะให้ผลลัพธ์อย่างเดียวกันกับการแดรกเมาส์"
เลือกหลายเซลล์ในตารางที่ไม่ได้อยู่ติดกัน
บางครั้งเซลล์ที่เราต้องการเลือกอาจไม่อยู่ติดกันในตาราง เช่น ถ้าเราต้องการเลือกเซลล์ 2 กลุ่มดังรูป ให้ทำดังนี้
|
3886
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3886
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ที่ต้องใช้บ่อย
|
หากเรามีเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ที่ต้องใช้บ่อย การเลือกเซลล์โดยวิธีที่ผ่านมาจะไม่สะดวก วิธีที่ดีกว่าคือการตั้งชื่อเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ด้วยชื่อที่สื่อความหมาย และนำมาใช้ในการอ้างอิง ซึ่งสะดวกกว่าการใช้ตำแหน่งเซลล์ เพราะชื่อเซลล์จดจำได้ง่ายกว่า
เช่น เมื่อเราต้องการอ้างอิงกลุ่มเซลล์ที่เก็บตัวเลขเงินเดือนพนักงานดังรูป แทนที่จะต้องอ้างอิงโดยใช้ตำแหน่ง D5 ถึง D8 เราสามารถตั้งชื่อเซลล์กลุ่มนี้ว่า “Salary” และนำมาใช้อ้างอิงได้แทน
ตั้งชื่อกลุ่มเซลล์.
TIP
แนวทางการตั้งชื่อเซลล์
"เราสามารถตั้งชื่อเซลล์ได้ยาวถึง 255 ตัวอักษรและสามารถใช้ตัวอักษร ตัวเลข จุดทศนิยมหรือเครื่องหมาย “_” ก็ได้ แต่ชื่อเซลล์ต้องขึ้นด้วยตัวอักษรหรือ “_” โดยจะมีช่องว่างในชื่อที่ใช้ไม่ได้ และ Calc นับว่าชื่อที่ประกอบด้วยตัวอักษรใหญ่หรือเล็กนั้นเหมือนกัน เช่น ชื่อเซลล์ “SALARY” และ “Salary” เป็นชื่อเดียวกัน"
เลือกเซลล์หรือกลุ่มเซลล์ที่ตั้งชื่อไว้.
หลังจากที่เราได้กำหนดชื่อกลุ่มเซลล์ เมื่อใดที่เราต้องการเลือกกลุ่มเซลล์นั้นครั้งต่อไปก็ให้คลิกเมาส์ชื่อกลุ่มเซลล์จากช่องแสดงชื่อเซลล์แทน
นอกจากการตั้งชื่อเซลล์สำหรับใช้เลือกเซลล์ในรูปแบบที่กล่าวมาแล้ว การตั้งชื่อเซลล์ยังมีประโยชน์อย่างมากเมื่อนำมาใช้กับสูตรคำนวณซึ่งเราจะกล่าวถึงต่อไปในบทการใช้สูตรคำนวณ
ลบชื่อกลุ่มเซลล์ที่ตั้ง.
ถ้าต้องการยกเลิกการตั้งชื่อกลุ่มเซลล์ที่ได้ตั้งไปแล้วให้เลือก Insert>Names>Define (แทรก>ชื่อ>กำหนด) แล้วคลิกเลือกชื่อเซลล์ที่ต้องการลบ คลิกเมาส์ปุ่ม เพื่อลบชื่อกลุ่มเซลล์ และคลิกเมาส์ปุ่ม เพื่อจบขั้นตอน
|
3887
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3887
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายข้อมูลในเซลล์
|
ถ้าเราพิมพ์ข้อมูลในตารางผิดช่องก็ไม่ต้องลบข้อมูลและพิมพ์ใหม่ให้เสียเวลา แต่สามารถย้ายข้อมูลที่พิมพ์ไปยังเซลล์อื่นได้เลย ซึ่งมี 2 วิธีที่เราสามารถเลือกใช้ได้
วิธีที่ 1 ใช้เมาส์
วิธีที่ 2 ใช้ปุ่มบนแถบเครื่องมือ
|
3888
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3888
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การคัดลอกข้อมูลในเซลล์
|
ถ้าเราต้องป้อนข้อมูลซ้ำๆ กัน เราควรใช้วิธีคัดลอกข้อมูลจากเซลล์หนึ่งไปยังเซลล์อื่นในตารางจะเร็วกว่า ซึ่งวิธีคัดลอกข้อมูลจะคล้ายกับการย้ายข้อมูลในเซลล์
วิธีที่ 1 ใช้การกดปุ่ม + แดรกเมาส์
วิธีที่ 2 ใช้ปุ่มบนแถบเครื่องมือ
|
3889
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3889
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูล
|
เมื่อเราได้ป้อนข้อมูลไปสักระยะหนึ่ง และต้องการแทรกข้อมูลเพิ่มทั้งแถวหรือทั้งคอลัมน์ หรือเฉพาะบางเซลล์ในตารางก็สามารถทำได้ดังนี้
การแทรกข้อมูลทั้งแถว.
ถ้าเราต้องการแทรกข้อมูล 1 แถวในตารางที่มีข้อมูลอยู่แล้ว จะต้องเริ่มโดยการเพิ่มแถวว่างขึ้นมาก่อนแล้วจึงค่อยป้อนข้อมูลเข้าไป
การแทรกข้อมูลทั้งคอลัมน์.
เช่นเดียวกับการแทรกข้อมูลทั้งแถว ถ้าเราต้องการแทรกข้อมูลในตาราง 1 คอลัมน์ เราจะต้องเพิ่มคอลัมน์ว่างขึ้นมาก่อน จึงจะสามารถป้อนข้อมูลเข้าไปได้
NOTE
"ในการแทรกคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่ง หากในคอลัมน์นั้นได้มีแถวใดแถวหนึ่งที่เราได้ทำการผสานเซลล์เอาไว้ จะทำให้ไม่สามารถแทรกคอลัมน์นั้นได้ หากเราจะแทรกคอลัมน์นั้นจริงๆ จะต้องยกเลิกการผสานเซลล์ออกก่อน จึงจะสามารถทำการแทรกคอลัมน์นั้นได้"
|
3890
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3890
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกข้อมูลบางเซลล์
|
นอกจากการแทรกข้อมูลทั้งแถวหรือทั้งคอลัมน์แล้ว เรายังสามารถแทรกข้อมูลเฉพาะบางเซลล์ได้ด้วย สำหรับตารางที่มีข้อมูลอยู่แล้ว การแทรกข้อมูลเฉพาะบางเซลล์จะต้องมีการเลื่อนข้อมูลเดิมที่อยู่ในเซลล์เหล่านั้นไปทางขวาหรือลงล่างก่อน เพื่อให้เกิดพื้นที่ว่างสำหรับป้อนข้อมูล
NOTE
"ในขั้นตอนที่ 3 ถ้าเราเลือก Entire row (แถวทั้งหมด) จะเป็นการเพิ่มแถวใหม่ โดยแถวข้อมูลของเซลล์ที่เลือกจะถูกขยับลงล่าง และถ้าเราเลือก Entire column (คอลัมน์ ทั้งหมด) จะเป็นการเพิ่มคอลัมน์ใหม่โดยคอลัมน์ของเซลล์ที่เลือกจะถูกขยับไปทางขวา"
|
3891
|
48386
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3891
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบข้อมูลในเซลล์
|
"เมื่อเราพิมพ์ข้อมูลผิดหรือไม่ต้องการใช้ข้อมูลในบางเซลล์อีกต่อไป มีการลบข้อมูลอยู่ 2 วิธีที่สามารถทำได้ คือ การลบเฉพาะข้อมูลในเซลล์ หรือการนำข้อมูลในเซลล์ติดกันมาแทนที่"
"ลบข้อมูลในเซลล์และเลื่อนข้อมูลในเซลล์ข้างๆมาแทนที่".
ลบข้อมูลทั้งแถวและให้เซลล์ที่อยู่ติดกันเลื่อนมาแทนที่
ลบข้อมูลทั้งคอลัมน์และให้เซลล์ที่อยู่ติดกันเลื่อนมาแทนที่
NOTE
"ในการลบคอลัมน์ใดคอลัมน์หนึ่ง หากในคอลัมน์นั้นได้มีแถวใดแถวหนึ่งที่เราได้ทำการผสานเซลล์เอาไว้ จะทำให้ไม่สามารถลบคอลัมน์นั้นได้ หากเราจะลบคอลัมน์นั้นจริงๆ จะต้องยกเลิกการผสานเซลล์ออกก่อน จึงจะสามารถทำการลบคอลัมน์นั้นได้
ลบข้อมูลบางส่วนและให้เซลล์ที่อยู่ติดกันเลื่อนมาแทนที่"
NOTE
"ในขั้นตอนที่ 3 ถ้าเราเลือก "
"Delete entire row(s) จะเป็นการลบข้อมูลทั้งแถวของเซลล์ที่เราเลือกอยู่ โดยข้อมูล ในเซลล์แถวล่างทั้งแถวจะขยับมาแทนที่ "
"Delete entire column(s) จะเป็นการลบข้อมูลทั้งคอลัมน์ของเซลล์ที่เราเลือกอยู่ โดย ข้อมูลในเซลล์คอลัมน์ขวาจะขยับมาแทนที่"
|
3892
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3892
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับความกว้างคอลัมน์และความสูงของแถว
|
ปรับความกว้างของคอลัมน์.
เมื่อเราพิมพ์ข้อความที่มีความยาวเกินขนาดความกว้างของเซลล์ จะทำให้ข้อความนั้นล้นออกมากินพื้นที่ของเซลล์ที่อยู่ติดทางขวาถ้าเซลล์ที่อยู่ทางขวานั้นว่าง แต่ถ้าเซลล์ที่อยู่ทางขวามีข้อมูลอยู่แล้ว Calc จะไม่สามารถแสดงข้อมูลที่ล้นออกมาได้
สำหรับกรณีที่ข้อมูลเป็นตัวเลข ถ้าจำนวนหลักและทศนิยมมีความยาวมากกว่าความกว้างของเซลล์ Calc จะแสดง ######## แทนตัวเลขจำนวนนั้น ที่จริงแล้วข้อมูลไม่ได้หายไปไหนเพียงแต่ Calc ไม่สามารถนำมาแสดงได้ เพราะความกว้างของเซลล์นั้นน้อยเกินไป วิธีแก้คือปรับความกว้างของคอลัมน์นั้นเพิ่มขึ้น
วิธีที่ 1 ปรับความกว้างของคอลัมน์โดยใช้เมาส์
TIP
"ถ้าเราต้องการให้ Calc ปรับความสูงของแถวโดยอัตโนมัติ ให้พอดีแสดงข้อความในทุกๆ เซลล์ที่อยู่ในแถวนั้น ให้ทำตามขั้นตอนที่ 1 และดับเบิลคลิกเมื่อ เปลี่ยนเป็น"
"ถ้าเราต้องการปรับความสูงหลายแถวทีเดียวพร้อมกัน ในขั้นตอนที่ 1 ให้คลิกเมาส์ชื่อแถวทั้งหมดที่ต้องการปรับความสูงและเลื่อน ไปที่เส้นแบ่งแถวใดที่เลือกไว้ก็ได้ เมื่อเราปรับความสูงของแถวจะมีผลกับทุกแถวที่เลือกไว้
วิธีที่ 2 กำหนดความสูงของแถวโดยการระบุค่าเจาะจง
วิธีนี้เหมาะสำหรับในกรณีที่เราต้องการกำหนดความสูงของแถวอย่างเจาะจง ซึ่งการใช้เมาส์วิธีแรกทำได้ไม่สะดวก
|
3893
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3893
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกสิ่งที่ทำผิดพลาด
|
หากเราใช้คำสั่งผิดก็ให้ใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกคำสั่งที่ได้กระทำไปครั้งล่าสุดได้ เช่น ถ้าเราสั่งลบข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจก็ให้คลิกเมาส์เลือก ในแถบเครื่องมือทันที ข้อมูลที่ถูกลบไปจะถูกคืนกลับมา (แต่ถ้าเราเปลี่ยนใจไม่ต้องการยกเลิกคำสั่งนั้นหลังจากที่ได้ใช้คำสั่ง Undo ไปแล้วให้คลิกเมาส์ที่ ทันทีเพื่อให้ข้อมูลกลับมาอยู่ในสภาพเดิม)
ในกรณีที่เราใช้คำสั่งผิดแต่ทราบภายหลังจากที่ได้ใช้ไปแล้วอีกหลายคำสั่ง เราจะต้องยกเลิกคำสั่งทั้งหมดที่ได้ทำหลังจากคำสั่งผิดนั้นก่อนจึงจะใช้ Undo ยกเลิกคำสั่งที่ต้องการได้ ซึ่งทำได้โดยการคลิกเมาส์ปุ่มไปเรื่อยๆ (แต่ถ้าเราเปลี่ยนใจไม่ต้องการยกเลิกคำสั่งที่ได้เพิ่ง Undo เราจะต้องคลิกเมาส์ปุ่ม ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทำซ้ำคำสั่งต่างๆ ที่เราได้สั่งยกเลิกไป)
NOTE
"ลักษณะการยกเลิกคำสั่งในรายการจะต้องทำเป็นลำดับ โดยนับจากคำสั่งล่าสุดเสมอ เราไม่สามารถสั่งยกเลิกเฉพาะบางคำสั่งที่ไม่ได้รวมคำสั่งล่าสุดได้"
ถ้าเราไม่ต้องการยกเลิกคำสั่งที่ได้สั่ง Undo ไปทั้งหมด เราสามารถกลับไปสู่สภาพเดิมได้ทันทีโดยเลือกจากรายการที่แสดงข้างขวาปุ่ม
NOTE
"ล่าสุดที่เราได้สั่งยกเลิกเสมอ เราไม่สามารถทำซ้ำเฉพาะบางคำสั่งที่ไม่ได้รวมคำสั่งล่าสุดได้ลักษณะการทำซ้ำคำสั่งในรายการ จะต้องทำเป็นลำดับโดยนับจากคำสั่ง"
|
3894
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3894
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เลือกใช้แผ่นงานที่ต้องการ
|
เมื่อเข้าสู่ Calc เราจะใช้แผ่นงานแรกที่มีชื่อว่า Sheet1 (แผ่นงาน1) ก่อน (ให้สังเกตจากแท็บชีตงานสีขาวที่แสดงแผ่นงานที่ใช้งานอยู่) เราสามารถเปลี่ยนแผ่นงานที่ใช้ได้โดยคลิกเมาส์เลือกแท็บชีตงานที่มีชื่อของแผ่นงานที่ต้องการใช้งาน
NOTE
"เราสามารถสลับแผ่นงานที่ใช้งานอยู่ได้โดยกดปุ่มต่อไปนี้ได้แทนการใช้เมาส์"
" สลับไปใช้แผ่นงานแผ่นทางขวาจากแผ่นที่ใช้อยู่"
" สลับไปใช้แผ่นงานแผ่นทางซ้ายจากแผ่นที่ใช้อยู่ "
|
3895
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3895
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตั้งชื่อแผ่นงาน
|
หลังจากที่เราได้ป้อนข้อมูลในแผ่นงานแล้ว ควรเปลี่ยนชื่อแผ่นงานให้สอดคล้องกับข้อมูล เพื่อช่วยเตือนความจำของเรา และทำให้การเรียกใช้ข้อมูลในแผ่นงานนั้นสะดวกยิ่งขึ้น
|
3896
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3896
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ลบแผ่นงานที่ไม่ต้องการ
|
เราควรลบแผ่นงานที่ไม่ใช้ออกจากสมุดงาน เพราะนอกจากจะทำให้ต้องใช้พื้นที่ สำหรับบันทึกข้อมูลมากขึ้นแล้ว ยังทำให้งานของเราดูไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะมีแผ่นงานที่ไม่ต้องการเต็มไปหมด
WARNING
"ขอให้ใช้ความระวังเป็นพิเศษเมื่อสั่งลบแผ่นงาน เพราะในกรณีนี้เราจะใช้คำสั่ง Undo นำเสนอข้อมูลที่ถูกลบไปกลับมาไม่ได้ สำหรับกรณีที่เกิดเหตุการณ์ลบแผ่นงานขึ้นโดยบังเอิญ วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือให้ปิดแผ่นงานนั้นโดยไม่บันทึกไฟล์ และเปิดแผ่นงานที่มีข้อมูลเก่าขึ้นมาใหม่"
|
3897
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3897
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกแผ่นงานเพิ่ม
|
เราสามารถแทรกแผ่นงานเพิ่มระหว่างแผ่นงานที่มีอยู่แล้ว โดยแผ่นงานใหม่จะถูกแทรกไว้ทางซ้ายของแผ่นงานที่ใช้อยู่
NOTE
"เมื่อเราแทรกแผ่นงานใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Calc อาจไม่แสดงแท็บชีตงานให้เห็นทั้งหมด เราจะต้องใช้ปุ่มข้างแท็บชีตงาน เพื่อเลื่อนหาแท็บชีตงานที่ต้องการ"
|
3898
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3898
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย้ายตำแหน่งแผ่นงาน
|
หากเราต้องการย้ายแผ่นงาน เพื่อจัดข้อมูลให้เป็นระเบียบมากขึ้นก็สามารถทำได้ดังนี้
TIP
"ถ้าในขั้นตอนที่ 2 เรากดปุ่ม ค้างไว้ในขณะแดรกเมาส์ตัวชี้ จะเปลี่ยนเป็น (สัญลักษณ์มีเครื่องหมาย +) ซึ่งจะไม่เป็นการสลับตำแหน่งแผ่นงาน แต่เป็นการเพิ่มแผ่นงานใหม่ในตำแหน่งที่เรากำหนด"
|
3899
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3899
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แบ่งหน้าจอ เพื่อดูข้อมูลที่มีปริมาณมาก
|
ถ้าข้อมูลในแผ่นงานมีหลายแถวและหลายคอลัมน์ Calc จะไม่สามารถแสดงข้อมูลบนหน้าจอได้พร้อมกันทั้งหมด ทำให้เมื่อต้องการเปรียบเทียบข้อมูลที่อยู่ห่างกัน เราจะต้องเลื่อนหน้าจอไปมา มีวิธีที่ดีกว่าคือ ให้แบ่งหน้าจอออกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อแสดงข้อมูลที่อยู่ห่างกัน
เราสามารถเลื่อนสกรอลบาร์ที่อยู่ทางด้านข้าง และอยู่ด้านล่าง เพื่อเลื่อนหาดูข้อมูลในแต่ละส่วนเพื่อเปรียบเทียบได้
NOTE
"การเลือกคำสั่ง Windows>Split (หน้าต่าง>แยก) อีกครั้งจะเป็นการเอาเครื่องหมายถูกออกจากคำสั่งแยก เพื่อยกเลิกการแบ่งหน้าจอ"
ถ้าเราคลิกเมาส์เลือกเซลล์อื่นที่ไม่ใช่ A1 และเลือกคำสั่ง Windows>Split (หน้าต่าง>Split) ลักษณะการแบ่งหน้าจอจะขึ้นกับตำแหน่งของเซลล์นั้นดังนี้คือ
แบ่งตามตำแหน่งที่เซลล์อยู่
แบ่งเป็น 2 ส่วนตามแนวนอน
แบ่งเป็น 2 ส่วนตามแนวตั้ง
NOTE
"เมื่อเราเลื่อนเมาส์ไปอยู่เหนือเส้นแบ่งหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นหรือซึ่งเราคลิกเมาส์เลื่อนเส้นแบ่งเพื่อปรับสัดส่วนของหน้าจอย่อยได้"
|
3900
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3900
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การตรึงแถวหรือคอลัมน์
|
ปัญหาหนึ่งที่เราจะพบเมื่อข้อมูลในตารางมีปริมาณมาก คือเมื่อเราเลื่อนจอภาพดูข้อมูลที่อยู่ทางซ้าย หรือล่างลงมา ก็จะไม่เห็นหัวข้อแถวหรือคอลัมน์นั้นว่าข้อมูลที่เราดูคืออะไร และต้องเลื่อนจอภาพสลับไปมา จึงจะเห็นทั้งข้อมูลและหัวข้อแถวหรือคอลัมน์นั้น วิธีแก้ปัญหาคือการสั่งตรึงแถวหรือคอลัมน์ที่เป็นหัวข้อแถวหรือคอลัมน์ เพื่อไม่ให้เลื่อนหายไปจากจอภาพเมื่อเราเลื่อนดูข้อมูลทางซ้ายหรือล่างลงมา
หลังจากที่เราได้สั่งตรึงแถวหรือคอลัมน์ ถ้าเราเลื่อนจอภาพดูข้อมูลส่วนอื่น แถวหรือคอลัมน์ที่เราสั่งตรึงไว้จะไม่เลื่อนตาม ดังตัวอย่างในรูป
เมื่อใดที่เราต้องการยกเลิกการตรึงแถวหรือคอลัมน์ ให้เลือกคำสั่ง Windows> Freeze (หน้าต่าง>ตรึง) อีกครั้ง (จะเป็นการยกเลิกเครื่องหมายถูกเกิดขึ้นบนคำสั่ง Freeze)
TIP
"เมื่อเราต้องการตรึงทั้งแถวและคอลัมน์พร้อมกัน ก็ให้คลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่อยู่ข้างใต้แถว และทางขวาของคอลัมน์นั้น ดังตัวอย่างถ้าเราต้องการตรึงแถวที่เป็นหัวข้อในตาราง และคอลัมน์ที่แสดงชื่อสินค้า ให้เราเลือกเซลล์ดังรูป และใช้คำสั่ง Window>Freeze (หน้าต่าง>Freeze)"
|
3901
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3901
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ย่อ/ขยายแผ่นงาน
|
ถ้าในแผ่นงานที่เราเปิดอยู่มีข้อมูลปริมาณมาก เราอาจย่อมุมมองแผ่นงานเพื่อให้แสดงข้อมูลได้มากขึ้นหรือในกรณีที่ข้อมูลที่แสดงบนจอภาพมีขนาดเล็กจนมองไม่สะดวก เราก็อาจสั่งขยายมุมมองแผ่นงาน เพื่อแสดงข้อมูลให้ใหญ่ขึ้นได้
เลือก View>Zoom (มุมมอง>ย่อ/ขยาย) และเลือกหัวข้อ Variable แล้วกำหนดอัตราย่อ/ขยายที่ต้องการจะได้ขนาดมุมมองของแผ่นงานตามที่เรากำหนดไว้ นอกจากนั้นเรายังสามารถใช้คีย์ลัด +เลื่อนวีลเมาส์ เพื่อย่อ/ขยายแผ่นงานได้ด้วย
|
3902
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3902
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ดูข้อมูลในแผ่นงานแบบเต็มจอ
|
อีกวิธีที่เราสามารถแสดงข้อมูลได้มากขึ้นบนจอภาพคือการใช้คำสั่ง View>Full Screen (มุมมอง>เต็มจอ) ซึ่งจะทำให้ Calc ไม่แสดงส่วนประกอบต่างๆ เช่น แถบฟังก์ชั่น แถบวัตถุ และแถบสูตร เพื่อให้ข้อมูลในแผ่นงานมีพื้นที่แสดงข้อมูลมากที่สุด
|
3903
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3903
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปิดดูหลายสมุดงานบนหน้าจอในเวลาเดียวกัน
|
หน้าต่างที่เราเปิดใน Calc จะแสดงข้อมูลได้ทีละสมุดงานเท่านั้น เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการดูข้อมูลจากหลายสมุดงานในเวลาเดียวกันบนจอภาพ จะต้องเปิดหน้าต่างหลายอันพร้อมกัน
เปิดหลายหน้าต่างพร้อมกัน.
การเปิดหน้าต่างพร้อมกันหลายอันเพื่อแสดงข้อมูลจากสมุดงานต่างๆ ทำให้เราสามารถย้าย หรือคัดลอกข้อมูลระหว่างสมุดงาน หรือนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกันได้อย่างง่ายดาย
NOTE
"ถึงแม้เราจะเปิดได้หลายสมุดงานพร้อมกัน แต่ขอแนะนำให้ปิดสมุดงานเมื่อใช้งานเสร็จและเปิดเฉพาะสมุดงานที่จำเป็นเท่านั้น เพราะการเปิดหลายสมุดงานพร้อมกันจะใช้หน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ Calc ทำงานได้ช้าลง ถ้าเครื่องที่เราใช้มีหน่วยความจำไม่มากนัก"
|
3904
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3904
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอก/การย้ายแผ่นงานข้ามสมุดงาน
|
เมื่อเราต้องการคัดลอก หรือย้ายแผ่นงานทั้งแผ่นที่อยู่ในสมุดงานหนึ่งไปเก็บไว้ในอีกสมุดงานหนึ่ง เพื่อนำข้อมูลไปใช้ในงานอื่นให้ทำตามขั้นตอน ดังนี้
NOTE
"เราจะไม่พบชื่อสมุดงานที่ต้องการในกรอบ To document (ไปยังเอกสาร) ถ้าเราไม่เปิดสมุดงานนั้นไว้บนหน้าจอ"
|
3906
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3906
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล
|
ข้อมูลที่เราป้อนในตารางสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ตัวเลข, วันที่และข้อความ เราสามารถกำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลทั้ง 3 ประเภทนี้ให้เหมาะกับงานของเราได้ เช่น ให้จำนวน 13545.47 แสดงเป็น ฿13,545.47 เพื่อใช้ในงานบัญชีหรือกำหนดให้ข้อความ “สรุปปริมาณสินค้าคงคลัง” มีรูปแบบเป็นตัวหนา และจัดให้อยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษ เพื่อใช้เป็นหัวเรื่องรายงานของเรา
|
3907
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3907
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลข
|
เราสามารถกำหนดให้การแสดงตัวเลขในตารางมีรูปแบบที่ต้องการได้ เช่น ให้มีเครื่องหมาย Comma คั่นทุกๆ 3 หลัก หรือให้ลงท้ายด้วยเครื่องหมายเปอร์เซ็นต์ (%)
|
3908
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3908
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขอย่างเจาะจง
|
เราสามารถกำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขได้อีกวิธีหนึ่ง โดยการเลือกเมนู Format>Cells (รูปแบบ>Cells) ก็จะปรากฏหน้าต่าง Cell Attributes (คุณลักษณะเซลล์) จากนั้นเลือกแท็บ Numbers (ตัวเลข) เพื่อเข้าไปกำหนดรูปแบบตัวเลขที่ต้องการอย่างเจาะจงได้ เช่น ให้มีเครื่องหมาย ฿ นำหน้า หรือแสดงตัวเลขที่มีค่าติดลบเป็นสีแดง มีขั้นตอนดังนี้
ในตัวอย่าง เมื่อเราได้กำหนดรูปแบบการแสดงตัวเลขในขั้นตอนที่ 3 เป็นแบบสกุลเงิน (Currency) เราจะต้องกำหนดว่า
• จะใช้จำนวนทศนิยมกี่หลักในช่อง Decimal Places (จำนวนทศนิยม)
• จะแสดงค่าที่เป็นลบอย่างไร # คลิกเมาส์ปุ่ม รูปแบบการแสดงตัวเลขจะเปลี่ยนไปตามที่เรากำหนด
สำหรับรูปแบบการแสดงตัวเลขต่างๆ ที่เราเลือกใช้ได้จากหัวข้อ Category ในแท็บ Number มีความหมาย ดังนี้
|
3909
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3909
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงวันที่และเวลา
|
เราสามารถกำหนดข้อมูลวันที่และเวลาในตารางให้มีรูปแบบที่ต้องการได้ เช่น วันที่ 04/12/09 แสดงเป็น 12 เม.ย. 2009 หรือเวลา 08.00.00 แสดงเป็น 08.00.00 AM/PM
|
3911
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3911
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อมูลให้แสดงเป็นตัวหนา ตัวเอน และขีดเส้นใต้
|
นอกจากการกำหนดรูปแบบและขนาดของตัวอักษรแล้ว การทำให้ตัวอักษรหรือตัวเลขในตารางเป็น ตัวหนา ตัวเอน ขีดเส้นใต้ หรือมีลักษณะที่ผสมกันไปก็สามารถเติมแต่งแผ่นงานให้ดูน่าสนใจขึ้น
กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลอีกวิธี
เราใช้คำสั่ง Format>Cells (รูปแบบ> Cells) เลือกคลิกเมาส์แท็บ Fonts (แบบอักษร) แล้วเลือกรูปแบบการแสดงข้อมูลได้
|
3912
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3912
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูลตามเงื่อนไข
|
ถ้าเราต้องการให้รูปแบบการแสดงข้อมูลเปลี่ยนตามลักษณะข้อมูลในตาราง เช่น ให้แสดงตัวเลขยอดขายของแต่ละเดือนให้มีลักษณะที่แตกต่างกันไป ถ้ายอดขายต่ำกว่าเป้าหมาย เป็นต้น ซึ่งเราต้องกำหนดเงื่อนไขที่ใช้ด้วยตัวเราเอง
กำหนดเงื่อนไขการแสดงข้อมูล.
ตัวอย่างนี้ จะกำหนดให้ Calc แสดงผลไม้ที่มีราคาน้อยกว่า 500 ดอลลาร์ให้มีลักษณะข้อความเป็นตัวหนาและขีดเส้นใต้ โดยในที่นี้ เรากำหนด Style แบบอักษรชื่อ Result ขึ้นมาก่อน เพื่อเรียกใช้
• Cell Value is (ค่าเซลล์คือ) จัดรูปแบบข้อมูลโดยขึ้นอยู่กับค่าในเซลล์ที่เราเลือก
• Formula is (สูตรคือ) จัดรูปแบบข้อมูลโดยขึ้นกับผลลัพธ์ที่ได้จากสูตรคำนวณที่เรากำหนด
ถ้าเราเลือก Cell Value is (ค่าเซลล์คือ) จะต้องกำหนดตัวดำเนินการที่ใช้ในช่องที่ 2 และค่าที่ใช้เปรียบเทียบในช่องสุดท้าย (ในตัวอย่างเงื่อนไขคือ “ให้พิจารณาเซลล์ข้อมูลที่มีค่าน้อยกว่า 500” โดยเราเลือกว่า Cell Value is (“น้อยกว่า” “500”)
ตัวอย่างเพิ่มเติม
ในขั้นตอนที่ 3 การใช้คำสั่ง Formula is (สูตรคือ) เป็นการกำหนดรูปแบบข้อมูลที่แสดงในเซลล์ที่เราเลือก โดยขึ้นกับผลลัพธ์ที่ได้จากสูตรคำนวณที่เรากำหนด เช่น ต้องการให้ Calc แสดงรูปแบบข้อความของชื่อสินค้าเป็น Result2 ถ้าค่าในคอลัมน์รวมราคามากกว่า 500 และแสดงเป็นข้อความตามปกติ เมื่อค่าในคอลัมน์รวมราคาน้อยกว่าหรือเท่ากับ 500 โดยมีวิธีทำดังนี้
การกำหนดหลายเงื่อนไข.
เราสามารถกำหนดได้ถึง 3 เงื่อนไขในการแสดงข้อมูลในแต่ละเซลล์ ซึ่งเราสามารถเพิ่มเงื่อนไขอีก ให้คลิกเมาส์ให้มีเครื่องหมายถูกในช่อง Condition จากนั้นทำการกำหนดเงื่อนไข และรูปแบบการแสดงข้อมูลที่เราต้องการ
หากต้องการกำหนดเงื่อนไข 3 ให้ทำเหมือนเงื่อนไข 2 ก็จะกำหนดเงื่อนไขได้มากขึ้น
|
3913
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3913
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดตำแหน่งข้อมูลในแต่ละเซลล์
|
โดยปกติเมื่อเราป้อนข้อมูลในตาราง ข้อมูลที่เป็นตัวเลขจะถูกจัดชิดขวาเซลล์ และข้อความจะถูกจัดชิดซ้ายเซลล์เสมอ หากเราต้องการเปลี่ยนให้ข้อมูลถูกจัดอยู่กึ่งกลาง ชิดซ้าย หรือชิดขวาในเซลล์ก็สามารถทำได้ดังนี้
|
3914
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3914
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/วางแนวข้อมูลในเซลล์
|
นอกจากการแสดงข้อมูลในเซลล์ตามแนวปกติแล้ว เรายังสามารถกำหนดการวางแนวข้อมูลให้ชิดขอบบน หรือขอบล่างของเซลล์ ทั้งยังสามารถกำหนดให้เอียงเป็นมุมตามต้องการได้ด้วย
|
3915
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3915
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงข้อมูลให้ครบในเซลล์
|
ถ้าเราไม่ต้องการปรับเปลี่ยนความกว้างของคอลัมน์ต่างๆในตารางเพราะได้กำหนดอย่างเหมาะสมแล้วแต่พบว่าข้อมูลที่ป้อนยาวจนล้นเกินออกไปนอกเซลล์มี 2 วิธีที่เราสามารถแสดงข้อมูลในเซลล์ให้ครบได้ดังนี้
วิธีที่ 1 ตัดคำข้อมูลในเซลล์และนำมาแสดงหลายบรรทัด
วิธีที่ 2 รวมบางเซลล์ในตารางเข้าด้วยกันให้เป็นเซลล์ใหญ่ที่แสดงข้อมูลได้ครบ
วิธีที่ 1 ตัดคำข้อมูลในเซลล์และนำมาแสดงหลายบรรทัด.
NOTE
"เมื่อเราต้องการยกเลิกการตัดคำในเซลล์ ให้คลิกเมาส์เลือกเซลล์ เลือก Format>Cells (รูปแบบ>Cells) และคลิกยกเลิกเครื่องหมายถูกในช่อง Wrap text automatically (ตัดข้อความอัตโนมัติ)"
วิธีที่ 2 รวมบางเซลล์เข้าด้วยกัน.
เป็นการรวมบางเซลล์ในตารางเข้าด้วยกัน เป็นเซลล์ใหญ่สำหรับแสดงข้อมูล โดยไม่กระทบกับเซลล์อื่นในตาราง
NOTE
"เมื่อเราต้องการยกเลิกการรวมเซลล์ให้คลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่ถูกรวม เลือก Format>Merge Cells (รูปแบบ>ผสานเซลล์) อีกครั้ง"
|
3916
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3916
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดวางข้อมูลให้อยู่กึ่งกลางแถวเพื่อใช้เป็นหัวเรื่อง
|
เราสามารถจัดข้อมูลให้อยู่กึ่งกลางแถวเพื่อใช้เป็นหัวเรื่องของตารางได้โดยการเลือกคำสั่ง Format>Merge Cells (รูปแบบ>ผสานเซลล์) และทำการจัดเรียงข้อความที่อยู่ในเซลล์ที่รวมกันให้อยู่กึ่งกลางพอดี โดยใช้ปุ่ม
เมื่อเราต้องการแก้ไขข้อมูลที่ได้ทำการรวมเซลล์เข้าด้วยกันแล้ว ให้ดับเบิ้ลคลิกเพื่อแก้ไขข้อมูลได้ตามปกติ
NOTE
"หากเราต้องการยกเลิกการจัดเรียงข้อความให้อยู่กึ่งกลาง ให้คลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่ถูกรวม และคลิกเมาส์ปุ่ม อีกครั้งหนึ่ง เซลล์ที่ถูกจัดเรียงข้อความให้อยู่ตรงกลางก็จะถูกยกเลิกไป และถ้าคลิกเมาส์เลือก Format>Merge Cells (รูปแบบ>ผสานเซลล์) อีกครั้ง จะเป็นการยกเลิกเซลล์ที่รวมเอาไว้ออกจากกัน"
|
3918
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3918
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การขีดเส้นตาราง
|
การขีดเส้นตารางจะช่วยให้งานดูมีระเบียบมากขึ้น และสามารถแยกข้อมูลออกเป็นกลุ่มๆ ได้อย่างชัดเจน โดยปกติ Calc จะมีเส้นประขีดระหว่างทุกเซลล์อยู่แล้ว แต่ในกรณีที่เราต้องการให้มีการขีดเส้นที่ชัดเจนก็สามารถทำได้ดังนี้
ถ้าเราต้องการยกเลิกเส้นตารางในงานของเราให้ลบเส้นตารางได้ โดยใช้ขั้นตอนที่ 1 และ 2 แต่ในขั้นตอนที่ 3 คลิก (ไม่มีการขีดเส้นตาราง)
NOTE
"เราสามารถขีดเส้นตารางได้โดยเลือก Format>Cells (รูปแบบ>Cells) จากหน้าต่าง Format Cells ให้เราไปที่แท็บ Border (เส้นขอบ) ซึ่งมีรายละเอียดที่เราสามารถกำหนดได้มากกว่าที่มีในปุ่ม "
|
3920
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3920
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ AutoFormat ตกแต่งตารางโดยอัตโนมัติ
|
เราจะพบว่ากว่าจะได้ตารางข้อมูลที่มีหน้าตาสวยงาม จะต้องใช้เวลาพอสมควรในการกำหนดรูปแบบการแสดงข้อมูล เลือกรูปแบบตัวอักษรและสีที่ใช้ในส่วนต่างๆ วิธีที่เร็วกว่านี้คือ การใช้ AutoFormat ที่สามารถปรับแต่งหน้าตาของตารางได้โดยอัตโนมัติ
WARNING
"การใช้ AutoFormat กับกลุ่มเซลล์ที่มีการกำหนดรูปแบบไว้ก่อนแล้ว จะทำให้รูปแบบเก่าถูกยกเลิก"
TIP
"ในขั้นตอนที่ 3 เราสามารถเลือกเฉพาะองค์ประกอบในรูปแบบการตกแต่งตารางที่ชอบได้ โดยคลิกเมาส์ปุ่ม และคลิก เลือกให้มีเครื่องหมายถูกหน้าลักษณะรูปแบบที่เราต้องการนำมาใช้ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตั้งแต่รูปแบบตัวอักษร ลวดลาย ไปจนถึงรูปแบบการจัดเรียงข้อมูลในแต่ละเซลล์"
|
3921
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3921
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เข้าใจการใช้สูตรคำนวณ
|
เมื่อเราป้อนสูตรคำนวณในตารางให้ใช้เครื่องหมาย = (เท่ากับ) นำหน้าเสมอ มิฉะนั้น Calc จะคิดว่าสูตรที่ป้อนเข้าไปนั้นเป็นข้อความธรรมดาและจะไม่นำไปคำนวณ เครื่องหมายการคำนวณที่ใช้ในการเขียนสูตรได้แก่เครื่องหมายบวก (+) ลบ (-) คูณ (x) หาร (/) ยกกำลัง (^) และเครื่องหมายเปอร์เซนต์ (%)
เมื่อ Calc นำสูตรที่เราเขียนไปคำนวณ ลำดับการคำนวณจะเกิดขึ้นตามลำดับความสำคัญของเครื่องหมายการคำนวณดังนี้ คือ
ตัวอย่างเช่น สูตร =(2x3)^2/4+7 จะมีขั้นตอนการคำนวณตามลำดับความสำคัญดังนี้คือ
= 6^2/4+7
= 36/4+7
= 9+7
= 16
NOTE
"ถ้าเครื่องหมายที่ใช้ในสูตรคำนวณ มีลำดับความสำคัญเท่ากัน Calc จะคำนวณโดยกระทำจากทางซ้ายไปทางขวาของสูตร"
|
3922
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3922
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ป้อนสูตรคำนวณ
|
ต่อไปให้เรามาลองเขียนสูตรคำนวณเพื่อหาผลรวมดู แต่ก่อนอื่นให้เราป้อนข้อมูลในตารางให้เหมือนดังรูป
ป้อนสูตรคำนวณโดยใช้เมาส์ช่วย.
ในการป้อนสูตรคำนวณหลังจากที่ได้พิมพ์เครื่องหมาย = เราสามารถคลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่ต้องการใช้ในสูตรได้โดยไม่ต้องพิมพ์ เช่น ถ้าเราคลิกเมาส์ที่เซลล์ C8 คำว่า C8 จะปรากฏในสูตรโดยที่เราไม่ต้องพิมพ์ C8 เข้าไปโดยตรง
|
3923
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3923
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ทำไมต้องใช้สูตร
|
หากเราพิมพ์จำนวนจริงแทนการใช้ตำแหน่งอ้างอิงของเซลล์แต่ละตัวในตาราง เราจะได้ผลลัพธ์การคำนวณเช่นเดียวกับที่ได้จากวิธีป้อนสูตรที่ได้กล่าวมา เช่น ใช้สูตร =35+18+23+30+60 แทนสูตร =C8+C9+C10+C11+C12 แต่การเขียนสูตรโดยการใช้ตำแหน่งอ้างอิงของเซลล์จะดีกว่าการใช้ข้อมูลที่อยู่ในแต่ละเซลล์โดยตรง เพราะเมื่อค่าที่เป็นตัวตั้งในสูตรเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณจะเปลี่ยนตามโดยอัตโนมัติ
เช่น ถ้าเราใช้สูตร =C8+C9+C10+C11+C12 เมื่อค่าในเซลล์ C8 เปลี่ยนจาก 35 เป็น 30 เราจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง เพราะ Calc จะนำสูตรไปคำนวณใหม่เมื่อค่าในเซลล์ที่สูตรใช้เป็นตัวตั้งเปลี่ยน แต่ถ้าเราใช้สูตร =35+18+23+30+60 ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่ผลรวมของเซลล์ที่ถูกต้องอีกต่อไป เพราะค่าในเซลล์ C8 ไม่ใช่ 35 แล้ว
|
3924
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3924
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขสูตรคำนวณ
|
เราสามารถแก้ไขสูตรคำนวณในเซลล์ได้โดยตรง
เทคนิคการแก้ไขสูตรคำนวณ.
ในการแก้ไขสูตรคำนวณเราสามารถดับเบิลคลิกองค์ประกอบที่ต้องการเปลี่ยน เพื่อแก้ไขเฉพาะค่านั้นในสูตรได้ เช่น ถ้าเราป้อนสูตรคำนวณหาผลรวมจำนวนสินค้าที่ขายในเซลล์ C13 ผิดจาก =C8+C9+C10+C11+C12 เราป้อนเป็น =C8+D9+ C10+C11+C12 แทน มีวิธีที่เราสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้
|
3925
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3925
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย้ายและคัดลอกสูตรคำนวณ
|
เราสามารถย้ายหรือคัดลอกสูตรที่ป้อนในตารางได้ โดยใช้วิธีเดียวกับการย้ายหรือคัดลอกข้อมูลธรรมดาแต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องจากการคำนวณ เราต้องทำความเข้าใจ Relative Addressing และ Absolute Addressing ก่อน
การคัดลอกแบบสัมพันธ์กับตำแหน่ง (Relative Addressing).
สำหรับสูตรที่มีเฉพาะตัวเลขเท่านั้น เช่น =12+5*2 การคัดลอกหรือเคลื่อนย้ายสูตรจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง จะไม่ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด เพราะไม่ว่าสูตรจะอยู่ที่เซลล์ใด ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังเท่ากับ =12+5*2 = 34 เสมอ แต่สำหรับสูตรที่ใช้ตำแหน่งอ้างอิงของเซลล์ เช่น =A4*A3 เมื่อมีการคัดลอกหรือเคลื่อนย้ายสูตรไปยังเซลล์อื่น ผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณจะเปลี่ยนไป เพราะ Calc จะเปลี่ยนตำแหน่งอ้างอิงของเซลล์ในสูตรเป็นสัดส่วนตามระยะทางที่เซลล์ถูกย้ายหรือคัดลอก
เช่น ตัวอย่างดังรูป เมื่อสูตร =C5*D5 ในเซลล์ E5 ถูกคัดลอกไปที่ตำแหน่ง E6 สูตรที่แสดงในเซลล์ E6 จะเปลี่ยนเป็น =C6*D6 โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะสัมพันธ์กับระยะทางที่เซลล์ E5 ถูกคัดลอกลงล่าง 1 เซลล์ (จากสูตร =C5*D5 เลยได้ =C6*D6)
ลักษณะการอ้างอิงตำแหน่งของเซลล์ที่ใช้ในสูตรที่เปลี่ยนได้ดังนี้ เรียกว่า Relative Addressing วิธีคัดลอกสูตรแบบนี้เหมาะสำหรับการคำนวณในตารางที่มีรูปแบบที่ซ้ำๆ กันโดยที่เราสามารถป้อนสูตรคำนวณเพียงครั้งเดียวและคัดลอกสูตรนั้นไปใช้กับเซลล์อื่น โดยสูตรจะ เปลี่ยนเซลล์ที่อ้างอิงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องดังตัวอย่างในรูป
การคัดลอกแบบยึดตำแหน่งเดิม (Absolute Addressing).
เมื่อเราต้องการคัดลอกสูตรในตาราง จะพบว่าวิธี Relative Addressing ไม่สามารถใช้ได้ทุกกรณี เพราะเราอาจจะไม่ต้องการให้ตำแหน่งอ้างอิงของเซลล์เปลี่ยนดังตัวอย่างในรูป
เนื่องจากเซลล์ D10 เป็นเซลล์เดียวที่เก็บค่าแลกเปลี่ยนเงินตรา เราจึงไม่สามารถคัดลอกหรือย้ายสูตรที่อ้างอิงเซลล์ D10 ได้เลย เพราะจะทำให้ตำแหน่ง D10 ที่อ้างอิงในสูตรเปลี่ยนเป็นตำแหน่งอื่นและส่งผลให้ผลลัพธ์ที่คำนวณได้ผิดพลาด
เราสามารถใช้การอ้างอิงแบบ Absolute Addressing เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยใช้เครื่องหมาย $ นำหน้าชื่อแถวหรือชื่อคอลัมน์ที่เราไม่ต้องการให้เปลี่ยน เช่น ถ้าต้องการให้สูตรอ้างอิงเซลล์ D10 แต่ไม่ต้องการให้แถวเปลี่ยนเมื่อสูตรถูกย้ายหรือคัดลอก ให้ใช้เครื่องหมาย $ นำหน้าเบอร์แถวเป็น D$10 และถ้าไม่ต้องการให้คอลัมน์เปลี่ยนให้ใช้ $D10 และในกรณีที่เราไม่ต้องการให้ทั้งแถวและคอลัมน์เปลี่ยน (ดังตัวอย่าง) ให้ใช้ $D$10 เมื่อสูตรคำนวณถูกคัดลอกหรือเคลื่อนย้ายจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องดังรูป
TIP
"แทนที่จะต้องพิมพ์เครื่องหมาย $ ให้กดคีย์ ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ Calc แสดงเครื่องหมาย $ หน้าชื่อแถบหรือชื่อคอลัมน์ที่เราไม่ต้องการให้เปลี่ยนได้ สำหรับการใช้เครื่องหมาย $ พอสรุปได้จากตัวอย่างต่อไปนี้ "
"E$12 แถวไม่เปลี่ยนเมื่อคัดลอก "
"$E12 คอลัมน์ไม่เปลี่ยนเมื่อคัดลอก "
"$E$12 แถวและคอลัมน์ไม่เปลี่ยนเมื่อคัดลอก"
|
3926
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3926
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/คัดลอกสูตรอย่างรวดเร็วด้วย AutoFill
|
ถ้าเซลล์ที่เราต้องการคัดลอกสูตรไปใช้อยู่ติดกัน มีวิธีคัดลอกสูตรที่เร็วกว่าการใช้ Copy และ Paste
NOTE
"วิธีนี้ใช้ได้กับสูตรทั้งแบบที่ใช้การอ้างอิงแบบ Relative และแบบ Absolute Addressing"
|
3927
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3927
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การอ้างอิงเซลล์ในสูตรคำนวณโดยใช้ชื่อหัวคอลัมน์
|
เมื่อต้องการอ้างอิงเซลล์ในสูตรคำนวณที่มีชื่อหัวคอลัมน์ เราอาจใช้ชื่อคอลัมน์นั้นแทนตำแหน่งเซลล์ได้ เช่น ในตัวอย่างเราสามารถพิมพ์ “=จำนวน*ราคา” แทนการใช้สูตร “=D5*E5” ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะทำให้การเขียนสูตรสะดวกเพราะเราไม่ต้องจดจำชื่อเซลล์แล้วยังทำให้สูตรดูเข้าใจง่ายด้วย โดยเมื่อเราคัดลอกสูตรที่อ้างอิงชื่อคอลัมน์นี้ Calc จะเปลี่ยนเซลล์ที่อ้างอิงให้โดยอัตโนมัติทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องเสมอ
|
3929
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3929
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงาน หรือสมุด
|
การป้อนสูตรวิธีที่ผ่านมาทำได้ยาก เพราะเราต้องจำตำแหน่งเซลล์ในแต่ละแผ่นงาน การใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์เมื่อป้อนสูตรจะสะดวกกว่า
ใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ข้ามแผ่นงาน
ใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ข้ามสมุดงาน
เราสามารถใช้เมาส์อ้างอิงเซลล์ที่อยู่ต่างสมุดงานได้เช่นกัน โดยเริ่มแรกเราต้องเปิดสมุดงานที่ต้องการอ้างอิงพร้อมกับสมุดงานที่เรากำลังทำงานอยู่ ซึ่งหลังจากพิมพ์ “=” ในเซลล์ที่ต้องการป้อนสูตร ให้คลิกเมาส์เลือกเซลล์ต่างสมุดงานที่เราต้องการอ้างอิงได้เลย และกด
NOTE
"รายละเอียดการเปิดหลายสมุดงานพร้อมกันได้กล่าวไว้ในบทที่ 14 หัวข้อ “เปิดดูหลายสมุดงานบนหน้าจอในเวลาเดียวกัน”"
|
3930
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3930
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อกลุ่มเซลล์และนำมาใช้ในสูตร
|
แม้การใช้ตำแหน่งอ้างอิงของเซลล์ในสูตรจะมีประโยชน์ แต่มีข้อเสียคือ เราต้องจดจำตำแหน่งของเซลล์ต่างๆ เช่น B5 หรือ D7 เป็นต้น มีวิธีที่ง่ายกว่านี้คือ การตั้งชื่อเซลล์ หรือกลุ่มเซลล์ให้มีชื่อสอดคล้องกับค่าในเซลล์เหล่านั้น และนำชื่อที่ตั้งมาใช้ในสูตร เช่น ในตัวอย่างที่แล้ว เราสามารถตั้งชื่อเซลล์ที่เก็บยอดขายสินค้าหมวด CD-ROM เป็น TOT_CDROM และใช้สูตร =TOT_CDROM เพื่ออ้างอิงค่าในเซลล์นั้นได้เลย
|
3931
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3931
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำส่วนประกอบของฟังก์ชั่น
|
ใน Calc มีฟังก์ชั่นมากกว่า 300 ฟังก์ชั่นสำหรับทำหน้าที่ต่างๆ อาทิเช่น การคำนวณตัวเลข การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติและการเงิน และการจัดการฐานข้อมูล ซึ่งแต่ละฟังก์ชั่นจะมีรายละเอียดการใช้งานที่แตกต่างกันไป แต่พอสรุปส่วนประกอบของฟังก์ชั่นได้ดังนี้
สำหรับการป้อนค่า argument ในฟังก์ชั่น เราจะต้องทราบก่อนว่าฟังก์ชั่นที่เรากำลังใช้งานอยู่นั้น รับค่า argument แบบใดบ้าง ซึ่งเราอาจใส่ข้อมูลที่เป็นตัวเลขเข้าไปได้โดยตรง เช่น =sum(18700,9800,7200) เพื่อให้หาผลรวมระหว่างค่า 18700 9800 7200 หรืออาจกำหนดให้ฟังก์ชั่นอ้างอิงค่าในเซลล์ก็ได้ เช่น =sum(E5:E7) สำหรับการใช้ฟังก์ชั่นบางประเภทเราอาจต้องป้อนค่า argument ที่เป็นข้อความ เวลา หรือวันที่ โดยจะต้องอยู่ในเครื่องหมาย “” เสมอ
|
3932
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3932
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเขียนฟังก์ชั่น
|
สำหรับการเขียนฟังก์ชั่นนั้นคล้ายกับการเขียนสูตรคำนวณ โดยเริ่มแรกเราต้องพิมพ์เครื่องหมาย “=” และตามด้วยชื่อฟังก์ชั่นที่ต้องการเช่น “=sum(” จากนั้นเราสามารถพิมพ์ค่า argument เข้าไปได้โดยตรง หรือใช้เมาส์คลิกเลือกเซลล์ที่ต้องการอ้างอิงได้
สำหรับในกรณีที่เราต้องการระบุกลุ่มเซลล์เป็นค่า argument ในฟังก์ชั่น เช่น ในตัวอย่างถ้าเราต้องการให้หาผลรวมเฉพาะเซลล์ E4-E6 และเซลล์ E8 ก็สามารถใช้เมาส์ได้ ดังนี้
TIP
"มีวิธีเขียนสูตรที่รวดเร็ว โดยหลังจากที่เราได้คลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่ต้องการเขียนสูตร และพิมพ์เครื่องหมาย “=” ให้คลิกที่ช่องรายการ ข้างแถบสูตร ซึ่งจะแสดงชื่อฟังก์ชั่นที่ใช้บ่อย เราสามารถคลิกเลือกฟังก์ชั่นที่เราต้องการใช้ได้เลย โดยไม่ต้องพิมพ์"
|
3933
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3933
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ฟังก์ชั่นนำร่องอัตโนมัติสร้างฟังก์ชั่นที่ต้องการ
|
ถึงแม้การใช้ฟังก์ชั่นจะช่วยให้เราไม่ต้องสร้างสูตรคำนวณที่ซับซ้อนด้วยตัวเราเอง แต่เนื่องจากฟังก์ชั่นใน Calc มีจำนวนมากซึ่งแต่ละตัวมีวิธีใช้งานที่แตกต่างกัน เราคงไม่ต้องการจดจำการใช้ฟังก์ชั่นแต่ละตัวเป็นแน่
Calc มีฟังชั่นนำร่องอัตโนมัติที่สามารถสร้างฟังก์ชั่นให้เราได้ เราเพียงระบุข้อมูลที่ต้องใช้เท่านั้น เช่น ในตัวอย่างเมื่อเราต้องการหายอดขายเฉลี่ยในแต่ละเดือน เราสามารถใช้ฟังก์ชั่นนำร่องอัตโนมัติแทนการพิมพ์ฟังก์ชั่นหาค่าเฉลี่ย (Average) เข้าไปโดยตรง ซึ่งวิธีนี้เป็นประโยชน์มากโดยเฉพาะในกรณีที่เราลืมรูปแบบการใช้ฟังก์ชั่นนี้
|
3934
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3934
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนะนำฟังก์ชั่นที่สำคัญ
|
Calc มีฟังก์ชั่นการคำนวณมากมาย แต่คงไม่สามารถกล่าวถึงได้ครบทุกตัว จึงขออธิบายเฉพาะฟังก์ชั่นที่มีความสำคัญที่เราสามารถนำไปใช้ได้ในงานทั่วไป (หากเราต้องการรายละเอียดการใช้ฟังก์ชั่นเพิ่มเติมขอแนะนำให้ศึกษาได้จาก Help)
ฟังก์ชั่นทางคณิตศาสตร์.
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นการใช้ฟังก์ชั่น Average MAX และ MIN หายอดขายเฉลี่ยในไตรมาส 1 ยอดขายสูงสุด และยอดขายต่ำสุด โดยนำยอดขายรวมในแต่ละเดือนมาใช้ในการคำนวณ
ฟังก์ชั่นทางตรรกศาสตร์.
IF ทดสอบเงื่อนไขที่กำหนดและเลือกคำตอบที่ถูกต้อง
รูปแบบการใช้งาน
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นการใช้ฟังก์ชั่น IF ตัดเกรดนักเรียนวิชาเลขโดยดูจากคะแนนที่ได้ คำสั่ง IF ที่ใช้ซ้อนกัน เพราะมีการกำหนดหลายเงื่อนไขซ้อนกัน ดังนี้
ฟังก์ชั่นทางสถิติ.
จากตัวอย่างที่ผ่านมา เราสามารถใช้ฟังก์ชั่น COUNTA หาจำนวนนักเรียนทั้งหมดที่สอบ และใช้ฟังก์ชั่น COUNTIF โดยมีเงื่อนไขว่า ให้หานักเรียนที่เรียนอ่อน คะแนนไม่ถึง 70 คะแนน เพื่อเรียกพบตัว
NOTE
"สำหรับการนับจำนวนนักเรียนในตัวอย่าง ถ้าเราใช้ฟังก์ชั่น COUNT แทนฟังก์ชั่น COUNTA จะทำให้การนับผิดพลาด เพราะฟังก์ชั่นนี้จะนับเฉพาะเซลล์ที่มีข้อมูลตัวเลขเท่านั้น ซึ่งจากลักษณะการใช้ฟังก์ชั่น COUNTA ในตัวอย่าง =COUNTA(B3:B7) เป็นการสั่งให้ Calc นับจำนวนเซลล์ที่บันทึกข้อมูลรายชื่อนักเรียนซึ่งข้อมูลนี้ไม่ใช่ตัวเลข ดังนั้นถ้าเราใช้ฟังก์ชั่น =COUNT(B7:B7) แทนจะได้ผลลัพธ์เป็น 0 ซึ่งผิด"
ฟังก์ชั่นทางการเงิน.
ตัวอย่างต่อไปนี้เป็นการใช้ฟังก์ชั่น PMT คำนวณหาจำนวนเงินที่เราต้องผ่อนชำระรถยนต์มูลค่า 280,000 บาทในแต่ละเดือน โดยใช้อัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน
|
3935
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3935
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขฟังก์ชั่น
|
สำหรับการแก้ไขฟังก์ชั่นนั้นคล้ายกับการแก้ไขสูตรคำนวณ แต่มีบางเทคนิคที่ขอแนะนำเพิ่มเติมที่จะช่วยให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
เปลี่ยนเซลล์ที่อ้างอิงในสูตร.
การใช้ฟังก์ชั่นมักมีการอ้างอิงกลุ่มเซลล์ เมื่อใดที่เราดับเบิลคลิกเลือกเซลล์ที่มีฟังก์ชั่นที่ต้องการแก้ไข Calc จะแสดงฟังก์ชั่นที่ใช้ และแสดงกรอบสีล้อมรอบเซลล์ในตารางที่ถูกอ้างอิงในฟังก์ชั่น ถ้าเราต้องการเปลี่ยนเซลล์ที่อ้างอิง ให้เลื่อน ไปที่กรอบสี จากนั้นให้คลิกและแดรกเมาส์ไปยังเซลล์ใหม่ที่ต้องการอ้างอิงแทน ดังตัวอย่าง ถ้าเราใช้ฟังก์ชั่น =SUM(E5:E9) ในเซลล์ E13 และต้องการเปลี่ยนเป็นเซลล์ที่อ้างอิงเป็น =SUM(C5:C9) วิธีที่เร็วที่สุดคือดับเบิลคลิกที่เซลล์ E10 Calc จะแสดงกรอบสีล้อมเซลล์ E5 ถึง E9 ที่ฟังก์ชั่นอ้างอิง เลื่อน มาที่ขอบเส้นกรอบสี ต่อจากนั้นให้คลิกและแดรกเม้าส์กรอบสีมาครอบเซลล์ C5 ถึง C9 ในตารางแทน เมื่อเรากดปุ่ม ฟังก์ชั่นที่เราแก้ไขเปลี่ยนไปอ้างอิงเซลล์ใหม่ที่กำหนด
เปลี่ยนขอบเขตการอ้างอิงเซลล์ในฟังก์ชั่น.
ถ้าเราต้องการเปลี่ยนขอบเขตกลุ่มเซลล์ที่ฟังก์ชั่นอ้างอิง เช่น ต้องการเปลี่ยนจากกลุ่มเซลล์ E5 ถึง E7 ที่ฟังก์ชั่น SUM อ้างอิงในตัวอย่าง ให้มีขอบเขตเป็น E5 ถึง E9 แทน ให้ดับเบิลคลิกที่ฟังก์ชั่นในเซลล์ E10 โปรแกรม Calc แสดงกรอบสีล้อมรอบเซลล์ E5 ถึง E7 ที่ถูกอ้างอิงในฟังก์ชั่นเลื่อน ไปชี้ที่มุมขวาล่างของกรอบสี (จะเปลี่ยนเป็น) จากนั้นเราสามารถคลิกและแดรกเมาส์เพื่อปรับให้กรอบสีล้อมรอบเฉพาะเซลล์ที่เราต้องการอ้างอิงได้ ซึ่งในตัวอย่าง เราปรับให้กรอบเซลล์นั้นล้อมรอบเฉพาะเซลล์ E5 ถึง E9 เมื่อเรากด ฟังก์ชั่นที่เราแก้ไขจะเปลี่ยนไปอ้างอิงเซลล์ตามขอบเขตที่กำหนด
ขอความช่วยเหลือในการแก้ไขฟังก์ชั่น.
ในการแก้ไขฟังก์ชั่นถ้าเราต้องการให้ Calc แสดงหน้าจอย่อยอธิบายรายละเอียดการใช้ฟังก์ชั่น ให้คลิกเมาส์เลือกเซลล์ที่มีฟังก์ชั่นที่ต้องการแก้ไขและเลือกคำสั่ง Insert>Function (แทรก>ฟังก์ชั่น) จะเข้าสู่หน้าต่างฟังก์ชั่นอัตโนมัติ ซึ่งจะอธิบายหน้าที่ของฟังก์ชั่นนั้น ความหมายของอาร์กิวเม้นท์ต่างๆ ที่ใช้ และผลลัพธ์ที่ได้จากการคำนวณในเซลล์นั้น เพื่อให้เราสามารถแก้ไขฟังก์ชั่นได้ตามต้องการ จากนั้นให้คลิกเมาส์ปุ่ม หรือกดปุ่ม เมื่อเสร็จสิ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้ฟังก์ชั่น และต้องการความช่วยเหลือ
|
3936
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3936
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ Autosum
|
Autosum เป็นคำสั่งหนึ่งที่ใช้โปรแกรมประยุกต์ในกลุ่ม Spreadsheet เช่น Microft Excel , Numbers
เนื่องจาก SUM เป็นฟังก์ชั่นที่มีการใช้งานมาก Calc จึงมี Autosum ที่สามารถหาผลรวมได้ภายในไม่กี่ขั้นตอน ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาใช้ฟังก์ชั่นนำร่องอัตโนมัติ หรือเขียนฟังก์ชั่น SUM ทุกครั้งที่ต้องการหาผลรวมตัวเลขในกลุ่มเซลล์
|
3937
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3937
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ขอดูผลลัพธ์การคำนวณบนหน้าจอด้วย Auto Calculate
|
ถ้าเราต้องการทราบผลลัพธ์การคำนวณ แต่ไม่ต้องการเขียนสูตรคำนวณในตาราง เราสามารถใช้ Auto Calculate ได้ โดยการคลิกเมาส์เลือกกลุ่มเซลล์ที่เราต้องการคำนวณที่แถบสถานะของ Calc จะแสดง Sum=ผลรวมของตัวเลขในกลุ่มเซลล์ที่เลือก
ถ้าเราต้องการเปลี่ยนการคำนวณเป็นอย่างอื่น นอกจากการหาผลรวมให้คลิกเมาส์ปุ่มขวาที่แถบสถานะที่แสดงผลลัพธ์ และเลือกรูปแบบการคำนวณที่ต้องการ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
|
3938
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3938
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ข้อผิดพลาดที่เกิดจากการเขียนสูตรและฟังก์ชั่นผิด
|
ถ้าเราเขียนสูตรคำนวณหรือฟังก์ชั่นผิด Calc จะพยายามเสนอแนวทางแก้ไขข้อผิดพลาดให้โดยอัตโนมัติ เช่น ถ้าเราพิมพ์สูตร “=C4+/C5” เมื่อเรากด โปรแกรม Calc จะขึ้นคำว่า ERR:510 ซึ่งเราอาจจะไม่เข้าใจว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหน หากเราจะดูคำอธิบายของเซลล์นั้น ให้เราดับเบิลคลิกที่เซลล์ที่ผิดพลาดนั้นอีกครั้ง โปรแกรม Calc จะอธิบายถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในแถบสถานะที่อยู่ทางด้านล่าง โดยในที่นี้บอกข้อผิดพลาดว่า : ตัวแปรขาดหายไป
|
3939
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3939
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ส่วนประกอบของแผนภูมิ
|
การใช้แผนภูมิจะช่วยให้การวิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อมูลทำได้ง่าย เพราะแผนภูมิสามารถสื่อความ หมายได้อย่างชัดเจน เราสามารถเลือกใช้แผนภูมิชนิดที่เหมาะกับข้อมูลที่ต้องแสดง เช่น ใช้แผนภูมิแท่งแสดงยอดขายในแต่ละเดือน หรือใช้แผนภูมิวงกลมแสดงส่วนแบ่งทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ที่ขาย
แผนภูมิประเภทต่างๆ
ใน Calc มีแผนภูมิหลายรูปแบบที่เราสามารถใช้ได้ โดยให้พิจารณาถึงลักษณะของข้อมูลที่ต้องการนำเสนอว่าเหมาะกับแผนภูมิประเภทใด
|
3940
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3940
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างแผนภูมิด้วย Chart
|
เราสามารถสร้างแผนภูมิให้อยู่ในแผ่นงานเดียวกับข้อมูล หรือแยกรูปแผนภูมิให้อยู่ในแผ่นงานใหม่ก็ได้ เมื่อสร้างแผนภูมิแล้วหากข้อมูลในตารางที่ใช้วาดแผนภูมิเปลี่ยน รูปแผนภูมิก็จะเปลี่ยนตามโดยอัตโนมัติ วิธีสร้างแผนภูมิอย่างรวดเร็วคือ การใช้ปุ่ม ที่อยู่ในแถบเครื่องมือหลัก จากนั้นลากเมาส์กำหนดขนาดของแผนภูมิที่ต้องการ และจะปรากฏหน้าต่าง Chart Wizard ให้คลิกเมาส์ปุ่ม ก็จะได้รูปแบบแผนภูมิตามค่าที่กำหนดไว้
เราสามารถปรับเปลี่ยนชื่อแผนภูมิ, ชื่อแกน X, ชื่อแกน Y, และกำหนดการปรับเปลี่ยนของรูปแผนภูมิในแต่ละส่วนได้ โดยการดับเบิ้ลคลิกเข้าไปส่วนของแผนภูมิที่เราต้องการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะปรากฏหน้าต่างแสดงตัวเลือกในการปรับเปลี่ยนแต่ละชนิด แต่ในที่นี้เราจะทำการเปลี่ยนชื่อแผนภูมิที่เราต้องการได้อย่างง่ายๆ ดังนี้
หากเราจะทำการเปลี่ยนสีของแผนภูมิ ให้มีความสวยงามน่าใช้งานมากขึ้น เราสามารถดับเบิ้ลคลิกเพื่อเข้าไปกำหนดสีของแผนภูมิของเราได้ มีขั้นตอนดังนี้
|
3941
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3941
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้าย เปลี่ยนขนาด และลบรูปแผนภูมิ
|
เมื่อเราสร้างแผนภูมิด้วยเครื่องมือแผนภูมิที่ได้อาจจะทับข้อมูลที่แสดงอยู่ในแผ่นงานนั้นๆซึ่งเราสามารถเคลื่อนย้ายเปลี่ยนขนาดและลบรูปแผนภูมิให้พอดีได้ดังตัวอย่างรูปแผนภูมิที่เราสร้างบดบังตารางข้อมูลในตารางซึ่งเราสามารถย้ายและเปลี่ยนขนาดแผนภูมิให้พอดีได้
เคลื่อนย้ายตำแหน่งแผนภูมิ.
NOTE
"หลังจากที่เราได้เลือกแผนภูมิและปรับแต่งรายละเอียดเรียบร้อย ให้กดคีย์ เพื่อยกเลิกการเลือกแผนภูมินั้น เพื่อเข้าสู่การทำงานปกติ"
การเปลี่ยนขนาดรูปแผนภูมิ.
หากแผนภูมิที่สร้างมีขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป เราสามารถปรับขนาดของแผนภูมิได้ตามต้องการในตาราง ดังนี้
การลบแผนภูมิ.
เราสามารถลบแผนภูมิที่ไม่ต้องการได้ โดยคลิกเมาส์ในบริเวณที่ว่างในแผนภูมิ เพื่อเลือกแผนภูมิและกดปุ่ม ซึ่งการลบแผนภูมิจะไม่ส่งผลใดๆ กับข้อมูลในตาราง
|
3942
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3942
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนชนิดและรูปแบบแผนภูมิ
|
แผนภูมิแต่ละชนิดมีความเหมาะสมในการแสดงข้อมูลบางประเภท เพราะฉะนั้นหากเราพบว่าแผนภูมิชนิดที่ใช้ไม่เหมาะกับข้อมูลที่แสดง ก็สามารถเปลี่ยนชนิดของแผนภูมิได้โดยไม่ต้องเสียเวลาลบแผนภูมิเดิม เพื่อสร้างแผนภูมิชนิดที่ต้องการขึ้นมาใหม่
NOTE
"เราสามารถปรับรูปแผนภูมิให้เป็นแบบ 3 มิติได้ โดยคลิกเมส์เลือกหัวข้อ 3D Look จากหน้าต่าง Chart Type"
"ในการปรับมุมมองของแผนภูมิ เราสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว โดยการใช้เมาส์ ดังนี้"
|
3943
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3943
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแก้ไขและปรับเปลี่ยนชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิ
|
ชุดข้อมูลในแผนภูมิ คือ กลุ่มข้อมูลที่ถูกนำมาใช้ในการวาดแผนภูมิ เมื่อใดที่เราต้องการแก้ไขแผนภูมิและคลิกเมาส์ที่แผนภูมิ Calc จะแสดงชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิให้เห็น โดยจะมีกรอบสีปรากฏล้อมรอบเซลล์ที่ใช้ ดังตัวอย่างมีชุดข้อมูลอยู่ 3 ชุดที่ถูกนำมาใช้ในการสร้างแผนภูมิ นั่นคือข้อมูลยอดขายแยกตามช่องทางประจำเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ และมีนาคม
หากเราพบว่าได้มีการกำหนดชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิผิด แต่ทราบปัญหานี้หลังจากที่ได้สร้างแผนภูมิเสร็จแล้ว มีวิธีในการเพิ่มและแก้ไขรายละเอียดชุดข้อมูลในแผนภูมิได้โดยไม่ต้องลบแผนภูมิเดิมที่สร้างผิด และสร้างแผนภูมิใหม่ เพราะที่เราสามารถทำการแก้ไขรายละเอียดในแผนภูมิเดิม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง
วิธีลัดในการเพิ่มชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิ.
ถ้าเราต้องการเพิ่มชุดข้อมูลหรือเปลี่ยนแปลงชุดข้อมูลที่ใช้สร้างแผนภูมิ เช่น ให้แผนภูมิแสดงยอดขายของสินค้าเพิ่มอีก 1 เดือน ให้เลือกชุดข้อมูลทั้งหมดใหม่อีกครั้ง และแดรกเมาส์ลากชุดข้อมูลนั้นไปที่แผนภูมิได้เลย
วิธีการลบชุดข้อมูลในแผนภูมิ.
เราสามารถลบชุดข้อมูลที่ไม่ต้องการออกได้ โดยแผนภูมิที่แสดงชุดข้อมูลนั้นๆ ก็จะถูกลบออกไปด้วย มีขั้นตอนดังนี้
|
3944
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3944
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ของแผนภูมิ
|
หลังจากการสร้างแผนภูมิเสร็จสิ้น เราสามารถกลับไปปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ และส่วนประกอบย่อยของแผนภูมิได้ เช่น ถ้าแผนภูมิที่สร้างไม่มีหัวข้อหรือชื่อแกน เราสามารถกลับไปเพิ่มได้ โดยการคลิกเมาส์ในบริเวณที่ว่างในรูปแผนภูมิ (Chart Area) และคลิกที่ Format (รูปแบบ) จะแสดงตัวเลือกต่างๆ ให้เราปรับแต่งแผนภูมิได้
• Title (ชื่อ) ปรับแต่งในส่วนของชื่อหลัก
• Axis (แกน) ปรับแต่งส่วนของแกนแผนภูมิ
• Grid (เส้นแนว) ปรับแต่งในส่วนของเส้นตาราง
• Legend (คำอธิบายแผนภูมิ) ปรับแต่งส่วนคำอธิบายแผนภูมิ
ปรับแต่งในส่วนของชื่อหลัก.
เราปรับแต่งชื่อหลักของแผนภูมิได้โดยมีแท็บต่างๆ ดังนี้
ปรับแต่งส่วนของแกนของแผนภูมิ.
เราสามารถปรับแต่งแกนของแผนภูมิทั้ง 2 แกน คือ แกน X และแกน Y ให้มีลักษณะตัวอักษร และรูปแบบอักขระที่เราต้องการได้ เพื่อความชัดเจน โดยเลือกการปรับแต่งแกนทั้งหมด ซึ่งจะสามารถปรับแต่งได้ทั้ง 2 แกนพร้อมกัน โดยเลือกคำสั่ง Format>Title>All Titles (รูปแบบ>ชื่อ>ชื่อทั้งหมด) จากนั้นเลือกปรับแต่งส่วนที่ต้องการ
ปรับแต่งในส่วนของเส้นตาราง.
เราสามารถปรับแต่งในส่วนของเส้นตารางของแผนภูมิ ให้มีลักษณะของเส้นตารางที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมีเส้นตารางให้เราเลือกหลายรูปแบบ โดยเลือกคำสั่ง Format>Grid>All Grids (รูปแบบ>แกน>แกนทั้งหมด) จากนั้นเลือกปรับแต่งส่วนที่ต้องการ
ปรับแต่งส่วนของผนังแผนภูมิ.
เราสามารถปรับแต่งพื้นหลังของแผนภูมิให้มีสีหรือเส้นบรรทัด ความโปร่งแสงกับส่วนที่เป็นผนังของแผนภูมิ เพื่อให้ดูโดดเด่นขึ้นได้โดยเลือก Format>Chart Wall (รูปแบบ>ผนังแผนภูมิ) และเลือกปรับแต่งส่วนที่ต้องการ
ปรับแต่งในส่วนของพื้นที่แผนภูมิ.
เราสามารถที่จะปรับแต่งพื้นที่แผนภูมิให้มีฉากประกอบที่สวยงามให้กับแผนภูมิได้ เช่น ใส่เส้นบรรทัด, สี และความโปร่งแสงให้กับพื้นที่แผนภูมิ โดยเลือก Format>Chart Area (รูปแบบ>พื้นที่แผนภูมิ) และเลือกปรับแต่งส่วนที่ต้องการ
แสดงและกำหนดตำแหน่งจัดวางคำอธิบาย.
Legend คือ คำอธิบายแผนภูมิ เราสามารถปรับตำแหน่ง Legend ได้โดยดับเบิ้ลคลิกที่ Legend จากนั้นไปที่แท็บ Position (ตำแหน่ง) และเลือกตำแหน่งจัดวาง Legend ที่ต้องการ
การใช้ค่ากำกับข้อมูลในแผนภูมิ.
เรากำหนดให้แสดงค่ากำกับข้อมูลในแผนภูมิในแต่ละแผนภูมิได้ โดยดับเบิ้ล คลิกที่แท่งแผนภูมิแต่ละแท่ง เพื่อเลือกให้มีการกำหนดค่ากำกับข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้การวิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อมูลเป็นไปได้อย่างชัดเจน สำหรับตัวเลือกต่างๆ มีรายละเอียด ดังนี้
แสดงคำอธิบายแผนภูมิ.
เราสามารถกำหนดให้มีการแสดง หรือไม่แสดงคำอธิบายของแผนภูมิได้ โดยการคลิกเมาส์ปุ่ม ให้ยุบลงถ้าให้มีการแสดงคำอธิบายแผนภูมิ แต่หากไม่ให้มีการแสดงคำอธิบายแผนภูมิก็ให้คลิกเมาส์ปุ่ม นี้อีกครั้ง
แสดงเส้นตารางแนวนอนและเส้นตารางแนวตั้ง.
หากเราต้องการให้มีเส้นตารางปรากฏขึ้นทั้งแนวนอนและแนวตั้งของแผนภูมิให้คลิกเมาส์ปุ่มเพื่อกำหนดเส้นตารางในแนวนอนและคลิกเมาส์ปุ่มเพื่อกำหนดเส้นตารางในแนวตั้งแต่หากไม่ต้องการให้มีการแสดงเส้นตารางทั้งแนวนอนและแนวตั้งก็ให้คลิกเมาส์ปุ่มทั้งสองนี้อีกครั้งหนึ่ง
การย้ายตำแหน่งส่วนประกอบย่อยในรูปแผนภูมิ.
เราสามารถย้ายตำแหน่งส่วนประกอบย่อยในแผนภูมิเช่นชื่อเรื่องแผนภูมิคำอธิบายหรือ Legend โดยการคลิกเมาส์เลือกส่วนประกอบนั้นจะปรากฏกรอบล้อมรอบส่วนนั้นเลื่อนไปที่เส้นขอบคลิกเมาส์ปุ่มซ้ายค้างไว้และแดรกเมาส์ไปยังตำแหน่งใหม่ที่ต้องการ
สำหรับส่วนประกอบย่อยอื่นๆ ในแผนภูมิที่เราคลิกเมาส์เลือกได้มีดังนี้.
TIP
"ในแผนภูมิที่มีส่วนประกอบย่อยมากมาย การใช้เมาส์เลือกส่วนที่เราต้องการ บางครั้งอาจทำได้ยาก ในกรณีเช่นนี้ขอแนะนำให้เลื่อน ไปอยู่เหนือส่วนที่ต้องการก่อนแต่ยังไม่คลิกเมาส์เลือกเพื่อให้ Calc แสดงชื่อส่วนประกอบนั้นให้เห็น ถ้าเป็นส่วนประกอบที่เราต้องการจึงค่อยคลิกเมาส์เลือก"
|
3945
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3945
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เทคนิคเกี่ยวกับแผนภูมิเพิ่มเติม
|
ในส่วนนี้ขอกล่าวถึงเทคนิคเกี่ยวกับแผนภูมิเพิ่มเติมที่เรานำมาใช้ เพื่อปรับแต่งแผนภูมิที่เราสร้างให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับเรามากที่สุด
เพิ่มคำบรรยายในแผนภูมิ.
เราสามารถเพิ่มคำบรรยายในแผนภูมิ เพื่อใช้สื่อสารประเด็นที่ต้องการได้โดยเลือกคำสั่ง Insert>Title (แทรก>ชื่อ) จะปรากฏหน้าต่างชื่อขึ้นมาให้คลิกเมาส์ที่หัวข้อชื่อรอง จากนั้นพิมพ์คำบรรยายเพิ่มเติมลงไปใน Subtitle (ชื่อรอง) และใช้เมาส์เลื่อนคำบรรยายไปที่ตำแหน่งในรูปแผนภูมิที่ต้องการ
การแก้ไขข้อความในรูปแผนภูมิ.
เราสามารถแก้ไขส่วนที่เป็นข้อความในแผนภูมิ ไม่ว่าจะเป็นคำบรรยายในแผนภูมิที่เพิ่มเข้าไป ชื่อแกน หรือชื่อแผนภูมิได้
|
3946
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3946
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้ภาพประกอบข้อมูล
|
ภาพที่แสดงในแผ่นงานมีความแตกต่างจากข้อมูล เพราะไม่ได้อยู่ในเซลล์ใดเซลล์หนึ่ง แต่เป็นภาพที่ถูกนำมาแปะบนแผ่นงานเท่านั้น ดังนั้นรูปภาพกับข้อมูลในตารางจะไม่เกี่ยวข้องกัน กล่าวคือเราสามารถย้ายหรือปรับแต่งภาพได้โดยไม่มีผลกับข้อมูลแต่อย่างใด และถึงแม้รูปภาพจะบดบังข้อมูลในตาราง เราก็ยังสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้งานได้ตามปกติ มีขั้นตอนสำหรับนำภาพมาแสดงในแผ่นงานดังนี้
เคลื่อนย้ายตำแหน่งภาพ และปรับขนาดภาพ.
เราสามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งภาพได้โดยการคลิกเมาส์ที่ภาพ และลากไปยังตำแหน่งที่ต้องการ และกดคีย์ เพื่อจบขั้นตอน
ถ้าต้องการปรับขนาดภาพให้คลิก เมาส์ที่ภาพจะปรากฏสัญลักษณ์ ล้อมรอบขอบภาพ ให้คลิกเมาส์ที่ และลากปรับขนาดได้ตามต้องการ เมื่อเสร็จแล้วให้กดคีย์ ก็จะเป็นการจบขั้นตอนการปรับขนาด
|
3947
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3947
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ปรับแต่งภาพที่แสดงโดยใช้แถบเครื่องมือรูปภาพ
|
การปรับแต่งภาพจะใช้คำสั่งจากแถบเครื่องมือรูปภาพ ซึ่งจะปรากฎขึ้นมาเมื่อเราดับเบิ้ลคลิกที่ภาพ โดยได้รวบรวมคำสั่งสำหรับปรับแต่งภาพ ดังนี้
ปรับความเข้มความจางและสีของรูป.
เราสามารถปรับแต่งภาพให้ได้สีที่สดใส สวยงามแตกต่างจากต้นฉบับเดิมได้ โดยเลือกปรับจากแถบเครื่องมือรูปภาพที่อยู่ด้านบน โดยจะมีเครื่องมือในการปรับสีทั้งหมด 3 สี คือ สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว หรือปรับความสว่าง และความคมชัดของภาพได้ หรือจะทำการปรับแต่งความโปร่งใสของภาพตามสไตล์ของเราเองได้ มีขั้นตอนดังนี้
ตัดรูปภาพส่วนที่ไม่ต้องการ.
เราสามารถตัดรูปภาพบางส่วนได้ โดยเลือกภาพที่ต้องการและคลิกปุ่ม ในแถบวัตถุของภาพ ซึ่งจะปรากฏหน้าต่าง Crop และให้เรากำหนดระยะการตัดภาพให้เหลือเฉพาะส่วนที่เราต้องการเก็บเอาไว้ คลิกเมาส์ปุ่ม จะแสดงภาพส่วนที่เราต้องการให้คงอยู่
|
3948
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3948
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/สร้างรูปด้วยตัวเราเอง
|
เราสามารถใช้แถบเครื่องมือวาดรูป ใน Calc วาดรูปง่ายๆ ได้ โดยรูปที่วาดนั้นจะมีลักษณะเช่นเดียวกับรูปภาพ คือจะไม่อยู่ในเซลล์ใดเซลล์หนึ่งแต่เป็นรูปที่แปะอยู่บนแผ่นงานเท่านั้น ดังนั้นการย้ายหรือปรับแต่งรูปที่วาดจึงไม่มีผลกับข้อมูลในตารางแต่อย่างใด
ในการวาดรูปและใช้แถบเครื่องมือ Drawing ซึ่งเราเปิดได้ โดยเลือก View>Toolbars>Drawing (มุมมอง>แถบเครื่องมือ>งานวาด)
แถบเครื่องมือ Drawing มีคำสั่งสำหรับใช้วาดรูปดังนี้
การวาดเส้น.
หากเราต้องการเพิ่มหัวลูกศรให้กับเส้นตรงที่ได้วาดขึ้นมา ให้คลิกเมาส์ปุ่ม เพื่อเลือกลักษณะหัวลูกศรได้
เปลี่ยนลักษณะเส้น.
คลิกเมาส์เลือกเส้น จากนั้นคลิกปุ่ม และเลือกลักษณะของเส้นตรงที่ต้องการ หากต้องการปรับขนาดเส้นให้คลิกปุ่ม และระบุขนาดของเส้นตรงที่ต้องการ
ปรับแต่งเส้นตรง และหัวลูกศรตามสัดส่วนที่กำหนดเอง.
การเปลี่ยนแปลงขนาดของเส้นตรง และหัวลูกศร ทำได้โดยคลิกเมาส์เลือกลูกศรและคลิกปุ่ม เพื่อเข้าสู่หน้าต่าง Line (เส้น) จากนั้นเลือกปรับแต่งลักษณะเส้น และหัวลูกศรที่ต้องการและคลิกปุ่ม
การวาดรูปสี่เหลี่ยมและรูปวงกลม/วงรี.
ทำได้โดยคลิกเมาส์เลือก เพื่อวาดรูปสี่เหลี่ยม หรือ เพื่อวาดรูปวงกลมและวงรี จากนั้นคลิกเมาส์ตำแหน่งจุดเริ่มของรูปและแดรกเมาส์วาดรูปจนได้สัดส่วนที่ต้องการ ซึ่งเราสามารถปรับแต่งลักษณะของรูปได้ โดยเลือกในส่วนเครื่องมือเพื่อการปรับแต่งรูปวาดที่อยู่ทางด้านบน
|
3949
|
7488
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3949
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตรวจสอบงานก่อนพิมพ์
|
ในหัวข้อนี้เป็นการตรวจสอบข้อมูลในแผ่นงานก่อนพิมพ์ โดยจะแสดงบนหน้าจอผลลัพธ์ที่ได้จะเหมือนพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ทุกประการ เพื่อให้เราสามารถตรวจสอบความถูกต้อง และแก้ไขข้อผิดพลาดได้ก่อนสั่งพิมพ์จริง
สำหรับความหมายของปุ่มต่างๆ ในแถบวัตถุของการแสดงตัวอย่างหน้า มีดังนี้
|
3950
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3950
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การกำหนด Margin ให้หน้ากระดาษ
|
เราสามารถเลื่อน Margin หรือขอบกระดาษให้พอเหมาะได้ จากหน้าต่าง Print Preview (ตัวอย่างหน้ากระดาษ) ให้คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Margins โปรแกรมจะแสดงเส้นขอบกระดาษขึ้นมา เราสามารถแดรกเมาส์เลื่อนตำแหน่งของขอบ กระดาษได้ตามต้องการ
|
3951
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3951
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การพิมพ์งาน
|
พิมพ์ทั้งแผ่นงาน.
เราสามารถสั่งพิมพ์ทั้งแผ่นงานได้โดยการคลิกเมาส์ที่ปุ่ม ในแถบฟังก์ชั่น แต่ถ้าหากเราต้องการกำหนดรายละเอียดที่เกี่ยวกับการพิมพ์ เราสามารถทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
• All Sheet พิมพ์ทุกแผ่นงาน
• Select Sheet พิมพ์แผ่นงานที่เลือก
• Select Cell พิมพ์เซลล์ข้อมูลที่เลือก
• All Page พิมพ์ทุกหน้า
• Page พิมพ์หน้าที่กำหนด
พิมพ์เฉพาะบางส่วน.
ถ้าเราต้องการพิมพ์งานเฉพาะข้อมูลบางส่วน ให้เลือกกลุ่มเซลล์ที่ต้องการพิมพ์ และเลือก File>Print... (แฟ้ม>พิมพ์) จากนั้นคลิกเมาส์เลือกคำสั่ง Selection cells เพื่อสั่งให้ Calc พิมพ์เฉพาะกลุ่มเซลล์ที่เลือกและคลิกเมาส์ปุ่ม
สำหรับตัวเลือกอื่นๆ ในหน้าต่างย่อยสำหรับสั่งพิมพ์งาน มีรายละเอียดดังนี้
|
3952
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3952
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการพิมพ์
|
เราสามารถกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการพิมพ์ก่อนสั่งพิมพ์งาน โดยเลือก File>Page Preview (แฟ้ม>แสดงตัวอย่างหน้า) เราจะพบกับหน้าจอแสดงตัวอย่างหน้ากระดาษก่อนการพิมพ์ จากนั้นให้เราคลิกเมาส์ปุ่มเพื่อเข้าสู่หน้าต่าง Page Style: ค่าเริ่มต้นก็จะมีแท็บตัวเลือกให้เรากำหนดตามต้องการดังนี้
• แท็บ Page : กำหนดรูปแบบกระดาษ ระยะขอบ และกำหนดเค้าโครงของงานที่พิมพ์
• แท็บ Borders/Background : กำหนดเส้นขอบ และพื้นหลังของหน้ากระดาษพิมพ์
• แท็บ Header/Footer : กำหนดรูปแบบหัว/ท้ายกระดาษในแต่ละหน้า
• แท็บ Sheet : กำหนดหัวข้อมูลแต่ละหน้า และลำดับหน้าในการพิมพ์
แท็บ Page : กำหนดรูปแบบกระดาษ ระยะขอบ และกำหนดเค้าโครงของงานที่พิมพ์.
เราสามารถกำหนดรูปแบบของกระดาษ ระยะขอบ และกำหนดเค้าโครงของงานที่พิมพ์ได้ โดยการคลิกเมาส์เลือกแท็บ Page และกำหนดรูปแบบได้ตามต้องการ
แท็บ Borders และแท็บ Background : กำหนดเส้นขอบ และพื้นหลังของหน้ากระดาษพิมพ์.
หากเราต้องการกำหนดเส้นขอบ และสีพื้นหลังของกระดาษพิมพ์ก็สามารถเลือกแท็บ Borders และแท็บ Background เพื่อปรับแต่งหน้ากระดาษพิมพ์ตามที่ต้องการได้
แท็บ Header แท็บ Footer : กำหนดรูปแบบหัว/ท้ายกระดาษในแต่ละหน้า.
กำหนดรูปแบบของหัวกระดาษ และท้ายกระดาษของกระดาษพิมพ์ได้ตามต้องการ โดยการคลิกเมาส์เลือกแท็บ Header หรือ Footer เพื่อกำหนดค่าตามต้องการดังนี้
แท็บ Sheet : กำหนดหัวกระดาษของข้อมูลแต่ละหน้า และลำดับหน้าในการพิมพ์.
ในแท็บ Sheet เราสามารถกำหนดลำดับหน้า เลขหน้าแรก เลือกส่วนประกอบที่ต้องการให้พิมพ์ออกมา หรือสเกลของหน้ากระดาษพิมพ์ที่พิมพ์ออกมาโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือเลือกจำนวนหน้าที่มากที่สุดในการพิมพ์ ซึ่งกำหนดให้กับแผ่นงานที่เราจะพิมพ์ตามต้องการ
|
3953
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3953
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/รู้จักกับศัพท์ที่ใช้กันหน่อย
|
ในตารางต่อไปนี้ข้อมูลที่มีหัวข้อเดียวกัน เช่น รหัส ชื่อพนักงาน และตำแหน่ง ได้ถูกจัดให้อยู่ในคอลัมน์เดียวกันอย่างเป็นระเบียบ เราเรียกคอลัมน์เหล่านี้ว่า ฟิลด์ (Field) และเรียกข้อมูลแต่ละแถวว่า เรคอร์ด (Record) ดังนั้น ในตารางนี้จึงมี 6 ฟิลด์ ได้แก่ รหัสสินค้า ชื่อ นามสกุล อายุ เงินเดือน และฝ่าย และมีข้อมูลอยู่ 10 เรคอร์ด โดยที่ชื่อแต่ละฟิลด์จะอยู่ในแถวแรกของข้อมูล
รหัสสินค้า
ชื่อ
สกุล
อายุ
เงินเดื่อน
ฝ่าย
418532
เอคุง
แอล
32
12354
ต้อนรับ
418533
บีจัง
เอ็ม
25
12534
บัญชี
|
3954
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3954
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียงลำดับข้อมูล
|
เราสามารถเรียงลำดับข้อมูลในตารางตามฟิลด์ใดก็ได้แล้วแต่จะกำหนด เช่น เรียงตามรหัส หรือเรียงตามชื่อพนักงาน วิธีการจัดเรียงข้อมูล สามารถเรียงจากน้อยไปมากหรือจากมากไปน้อยก็ได้
นอกจากนั้นเรายังสามารถกำหนดฟิลด์ที่ใช้เรียงลำดับตามกันได้ถึง 3 ฟิลด์ โดย Calc จะเริ่มเรียงลำดับข้อมูลตามฟิลด์แรกก่อน และในกรณีที่ไม่สามารถเรียงลำดับข้อมูลได้ เพราะข้อมูลในฟิลด์นั้นเกิดซ้ำกัน (ดังเช่นตัวอย่างในคอลัมน์ “มูลค่า” มีค่า 3858.85 เท่ากัน 2 ค่า) Calc ก็จะเรียงลำดับข้อมูลตามฟิลด์ที่ 2 ที่ได้ระบุไว้ และเรียงลำดับข้อมูลตามฟิลด์ที่ 3 ต่อไป หากข้อมูลในฟิลด์ที่ 2 เกิดซ้ำกันอีก
วิธีการสั่งเรียงลำดับข้อมูลมีดังนี้
• เรียงข้อมูลจากน้อยไปมาก
• เรียงข้อมูลจากมากไปน้อย
TIP
"เราสามารถจัดเรียงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วโดยหลังจากคลิกเมาส์เลือกกลุ่มข้อมูลในตารางที่ต้องการจัดเรียงให้คลิกเมาส์ที่ปุ่มเพื่อเรียงข้อมูลจากน้อยไปมากหรือเพื่อเรียงข้อมูลจากมากไปน้อยซึ่งอยู่ในแถบเครื่องมือหลัก"
จะเห็นได้ว่าหลังจากการเรียงลำดับข้อมูล มีบางแถวที่ไม่ได้ถูกเรียงลำดับ เพราะข้อมูลในฟิลด์เกิดซ้ำกัน หากเราต้องการกำหนดฟิลด์ที่ 2 เพื่อเรียงลำดับแถวเหล่านั้น ให้ทำตามขั้นตอนดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่ในขั้นตอนที่ 3 ให้ระบุฟิลด์เพิ่มดังรูป
|
3955
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3955
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กรองข้อมูลอัตโนมัติ เพื่อคัดเลือกข้อมูล
|
เมื่อเราต้องการค้นหาข้อมูลในตารางเพื่อนำมาวิเคราะห์ เช่น ต้องการทราบอัตราการแลกเปลี่ยนเท่ากับ 37.67 เราสามารถใช้ AutoFilter เพื่อช่วยค้นหาข้อมูลโดยอัตโนมัติได้ดังนี้
กำหนดหลายเงื่อนไขพร้อมกัน.
ถ้าเราต้องการกำหนดเงื่อนไขอื่นๆ ในการคัดเลือกข้อมูลเพิ่มเติม ให้ทำซ้ำตามขั้นตอนที่ 3 และ 4 เช่น ถ้าต้องการทราบว่ามีรายการใดบ้างที่มียอดเบิกวัสดุจำนวน 10 ชิ้นในเดือนธันวาคมและมีการเบิกในเดือนตุลาคมจำนวน 5 ชิ้น เราต้องกำหนดเงื่อนไข ดังนี้
NOTE
"ถ้าเราต้องการยกเลิกเฉพาะบางเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ ให้คลิกเมาส์เลือก “ทั้งหมด” (All) ในฟิลด์ที่ได้กำหนดเงื่อนไขไว้เพื่อยกเลิกเฉพาะเงื่อนไขนั้นได้"
Math เขียนสูตรคำนวณ.
การใช้งาน OpenOffice.org Math.
เอกสารในเชิงวิชาการ มักมีการพิมพ์ตัวเลขที่มีลักษณะพิเศษ หรือสมการคณิตศาสตร์ต่างๆ แทรกอยู่ด้วย เช่น เอกสารการวิจัย เอกสารโครงงานต่างๆ เป็นต้น
การแทรกตัวเลขในลักษณะเหล่านี้ หรือสูตรสมการทางคณิตศาสตร์ โดยใช้ OpenOffice.org สามารถทำได้ไม่ยากนัก โดยจะมีโปรแกรม Math เพื่อแทรกตัวเลขแบบพิเศษต่างๆ หรือสมการทางคณิตศาสตร์ลงในเอกสารได้ตามต้องการ
|
3956
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3956
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จบการใช้ AutoFilter
|
เมื่อต้องการจบการใช้ AutoFilter ให้เลือกเมนู Data>Filter>AutoFilter (ข้อมูล>ตัวกรอง>ตัวกรองอัตโนมัติ) ยกเลิกเครื่องหมายถูกหน้าคำว่า AutoFilter
|
3957
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3957
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/โปรแกรม Impress
|
เราสามารถสร้างงานนำเสนอได้อย่างมืออาชีพ แม้อาจไม่เคยสร้างงานนำเสนอมาก่อนเลย ทั้งนี้ด้วยระบบช่วยเหลือในโปรแกรมนำเสนอ ที่ไม่เพียงแนะนำหลักการในการสร้างงานนำเสนออย่างเป็นขั้นตอนเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลงานของเราได้ด้วย โดยที่เราสามารถตกแต่งหน้าตาของสไลด์ที่สร้างได้โดยนำหลักการเลือกสีมาใช้กับสไลด์ และจัดองค์ประกอบทางศิลป์ได้โดยอัตโนมัติ
นอกจากการนำเสนอภาพนิ่ง เรายังสามารถนำองค์ประกอบมัลติมีเดียมาใช้นำเสนอความคิดของเราได้ เช่น การนำเอฟเฟ็กต์เสียงหรือดนตรีมาใช้งาน เป็นต้น
หลังจากที่เราได้เตรียมสิ่งที่ต้องการนำเสนอแล้ว ก็สามารถใช้โปรแกรมนำเสนอเตรียมเอกสารประกอบคำบรรยาย และในขณะที่เรากำลังนำเสนองานก็สามารถใช้เมาส์วาดเส้นบนสไลด์ที่แสดงอยู่ เพื่อเน้นประเด็นสำคัญได้
|
3958
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3958
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แนวทางเตรียมการนำเสนองานพรีเซนเตชั่น
|
เพื่อช่วยให้การสร้างงานนำเสนอเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ขอแนะนำให้นำขั้นตอนต่อไปนี้ไปประยุกต์ใช้
1. การวางโครงร่าง
ก่อนเริ่มเตรียมงานพรีเซนเตชั่น เราควรมีความชัดเจนในสิ่งที่ต้องการสื่อสาร โดยศึกษากลุ่มผู้ฟังว่ามีลักษณะเช่นไร การเริ่มเตรียมงานนำเสนอโดยการวางโครงร่าง จะทำให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับงานที่จะนำเสนอ และช่วยให้เราไม่พลาดหัวข้อสำคัญที่ต้องสื่อสาร นอกจากนั้นการวางโครงร่างยังเปรียบเสมือนแผนที่ในการดำเนินเรื่อง ทำให้เรามั่นใจได้ว่าการนำเสนอของเราจะได้ผลลัพธ์ตรงตามจุดประสงค์ที่วางไว้
สำหรับวิธีวางโครงร่างเราอาจใช้โปรแกรมนำเสนอหรือจะใช้โปรแกรมอื่นเช่นโปรแกรมสร้างข้อความก็ได้
2. การลงรายละเอียดเนื้อหา
หลังจากที่เราได้วางแนวทางในการนำเสนองานตั้งแต่เริ่มจนจบแล้ว ต่อไปเป็นการลงรายละเอียดในหัวข้อต่างๆ โดยมุ่งเน้นที่กลุ่มผู้ชมเป็นหลักว่าสไลด์ของเราต้องมีเนื้อหา หรือรูปแบบการนำเสนอแบบใดจึงเหมาะสม ซึ่งต้องพิจารณาตั้งแต่องค์ประกอบต่างๆ ที่ใช้ไม่ว่าจะเป็น ภาพสีและแนวการนำเสนอเช่น การบรรยายเชิงวิชาการ ก็ควรให้โทนสีของสไลด์สอดคล้องกับเนื้อหาที่เน้นไปทางสาระและข้อมูล
3. การใส่ข้อความ รูปภาพ กราฟ ฯลฯ ในสไลด์
ในขั้นตอนนี้จะเป็นการนำสิ่งต่างๆ ที่เราต้องการนำเสนอมาใส่ในสไลด์แต่ละแผ่น โดยเราอาจใช้เวลานานพอสมควรในการตระเตรียมข้อมูลให้ตรงและสนับสนุนประเด็นที่เราต้องการนำเสนอ
4. ปรับแต่งสไลด์ให้สวยงาม
หลังจากที่เราได้ใส่ข้อความที่ต้องการสื่อสารแล้ว ต่อไปเราจะต้องทำการปรับแต่งตัวอักษร สีที่ใช้กับสไลด์ และรูปแบบขององค์ประกอบต่างๆ ที่แสดง เพื่อให้สไลด์ดูสวยงามและน่าติดตาม
5. เพิ่มความน่าสนใจในขณะนำเสนอสไลด์
ถ้าเราใช้คอมพิวเตอร์ในการนำเสนอสไลด์ ก็สามารถนำเทคนิคในการเปลี่ยนแผ่นสไลด์มาใช้เพิ่มความน่าสนใจให้กับการนำเสนอข้อมูลได้ เช่น การเลื่อนสไลด์แผ่นใหม่มาจากจอภาพด้านบน หรือให้กราฟที่แสดงดูเหมือนกำลังเพิ่มขึ้น
6. เตรียมการนำเสนอจริงๆ
ก่อนถึงเวลาที่เราต้องนำเสนอ ควรซ้อมการพูดให้เข้ากับแผ่นสไลด์ที่เตรียม โดยอาจมีการจับเวลาเพื่อจะได้ทราบว่าการบรรยายใช้เวลาอย่างเหมาะสมหรือไม่
7. การเตรียมเอกสารประกอบการบรรยายแจกผู้ฟัง
หลังจากที่เราได้ซักซ้อม จนพร้อมนำเสนอสไลด์ที่ได้จัดทำไว้แล้ว สิ่งสุดท้ายที่สำคัญก็คือ การพิมพ์เอกสารประกอบการบรรยาย การจัดทำเอกสารแจกให้ผู้เข้าฟังจะทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลาจดบันทึกสิ่งที่เรานำเสนอ แต่ให้เขาใช้เวลาในการจดจ่อฟังสิ่งที่เราต้องการสื่อสารแทน
|
3960
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3960
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การสร้างงานพรีเซนเตชั่นชิ้นใหม่
|
เมื่อได้เข้าโปรแกรมนำเสนอแล้ว ก็จะพบกับหน้าจอให้เรากำหนดวิธีสร้างสไลด์ ซึ่งโปรแกรม Impress ของ OpenOffice.org นี้เราจะสร้างงานพรีเซนเตชั่นจากสไลด์เปล่า โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
ให้เราเลือก Empty Presentation (การนำเสนอว่างเปล่า) เพราะเป็นการสร้างงานนำเสนอชิ้นแรก ซึ่งเราจะไม่สามารถเรียกใช้จากแม่แบบได้
|
3961
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3961
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแสดงงานพรีเซนเตชั่น
|
หลังจากที่เราได้สร้างงานพรีเซนเตชั่นได้แล้ว ให้เราลองเปิดดูผลลัพธ์ที่ได้ โดยคลิกเมาส์ปุ่ม (นำเสนอภาพนิ่ง) ซึ่งในบทนี้ขอกล่าวถึงเพียงขั้นต้น โดยจะกล่าวเพิ่มเติมในบทต่อไป
|
3962
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3962
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/บันทึกงานพรีเซนเตชั่นที่สร้าง
|
ก่อนออกจากโปรแกรมนำเสนอเราจำเป็นต้องสั่งบันทึกงานพรีเซนเตชั่นที่สร้าง จึงจะนำกลับมาใช้ได้ในครั้งต่อไป (โดยตั้งชื่อไฟล์ได้ยาวไม่เกิน 256 ตัวอักษร)
หากเราต้องการบันทึกไฟล์งาน ให้สามารถเปิดทำงานร่วมกับโปรแกรม Microsoft PowerPoint 97/2000/XP ให้เราเลือกที่ Save as type เป็นไฟล์ฟอร์แมต .ppt
NOTE
"ถ้าหากว่าเราเคยบันทึกงานมาก่อน โปรแกรมนำเสนอจะทำการบันทึกไฟล์ให้ทันทีหลังจากที่คลิกเมาส์ปุ่ม "
|
3963
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3963
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เรียกข้อมูลที่บันทึกกลับมาใช้งาน
|
เมื่อกลับเข้าสู่โปรแกรมนำเสนออีกครั้งหนึ่ง แล้วต้องการที่จะเรียกงานที่บันทึกไว้กลับมาแก้ไข หรือปรับแต่งส่วนประกอบต่างๆ สามารถทำได้ ดังนี้
TIP
โปรแกรมนำเสนอจะแสดงชื่อไฟล์ที่เราเพิ่งปิดอยู่ในเมนู File (แฟ้ม) เพราะฉะนั้นถ้าไฟล์ที่เราต้องการเปิดเป็นไฟล์ที่เคยเรียกใช้มาก่อนไม่นาน ให้ลองหาชื่อไฟล์นั้นใน Recent Documents (เอกสารปัจจุบัน) ถ้าพบชื่อไฟล์นั้น ก็ให้คลิกเมาส์เปิดไฟล์ได้เลย ซึ่งวิธีนี้จะสะดวกรวดเร็วกว่า
|
3964
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3964
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ออกจากโปรแกรม Impress
|
หลังจากเราได้เสร็จสิ้นการใช้โปรแกรม Impress และได้ทำการบันทึกข้อมูลแล้ว เราสามารถสิ้นสุดการใช้โปรแกรมได้เลย โดยที่การปิดโปรแกรมนำเสนอก็เป็นการออกจากโปรแกรม Impress ด้วย ซึ่งการออกจากโปรแกรมทำได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้
|
3965
|
5602
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3965
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/มุมมองในโปรแกรม Impress
|
ในการสร้างงานพรีเซนเตชั่น "โปรแกรม Impress" สามารถแสดงมุมมอง (View) ที่แตกต่างกันได้ 5 แบบ โดยแต่ละมุมมองมีประโยชน์สำหรับลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยให้คลิกเมาส์ปุ่มที่อยู่ด้านบนของหน้าเอกสาร เพื่อเปลี่ยนเป็นมุมมองที่ต้องการได้ ซึ่งแต่ละมุมมองมีรายละเอียด ดังนี้
รายละเอียดของมุมองต่างๆ มีดังต่อไปนี้
มุมมอง Normal.
(ปกติ) เป็นมุมมองพื้นฐาน จะเป็นหน้าจอที่เรากำลังทำงานอยู่ ซึ่งแสดงพื้นที่การทำงานให้เราสามารถวาดและตกแต่งส่วนประกอบต่างๆ ได้สะดวก
มุมมอง Outline.
(เค้าโครง) เป็นการวางโครงของงานพรีเซนเตชั่นว่ามีกี่หน้า และแต่ละหน้ามีเนื้อหาอะไรบ้าง
มุมมอง NOTE.
(หมายเหตุ) มุมมองนี้จะเป็นการเขียนโน้ตหรือหมายเหตุลงไปในงานเพื่อช่วยนำเสนอ
มุมมอง Handout.
(เอกสารประกอบคำบรรยาย) เป็นมุมมองที่แสดงสไลด์ทั้งหมดในงานพรีเซนเตชั่น โดยจะแสดงสไลด์ทั้งหมดเรียงกันตามลำดับตั้งแต่สไลด์แผ่นแรกจนถึงสไลด์แผ่นสุดท้าย ทำให้เรามองเห็นสไลด์ได้พร้อมกัน และจัดเรียงลำดับแผ่นสไลด์ที่สร้าง เพิ่มสไลด์แผ่นใหม่ หรือลบสไลด์ได้ง่าย
มุมมอง Side Sorter.
ตัวเรียงลำดับภาพนิ่ง เป็นมุมมองที่ใช้ในการเช็คดูภาพของงานก่อนที่จะนำเสนอ โดยที่เราสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอได้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะพิเศษต่างๆ และการเปลี่ยนชิ้นงาน ความเร็ว และเวลาในการนำเสนอ
|
3966
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3966
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แทรกสไลด์แผ่นใหม่
|
หากเราพบว่าเนื้อหาบางส่วนในงานพรีเซนเตชั่นที่กำลังสร้างอยู่ยังไม่ครบถ้วน ก็สามารถแทรกสไลด์แผ่นใหม่เพื่อเพิ่มเนื้อหาเข้าไปได้ โดยแนะนำให้ใช้ มุมมอง Normal (ปกติ) เพราะจะแสดงสไลด์ได้หลายแผ่นพร้อมกันบนจอภาพ ทำให้เราเลือกตำแหน่งที่ต้องการแทรกสไลด์แผ่นใหม่ได้
|
3967
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3967
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เคลื่อนย้ายสไลด์ไปในตำแหน่งที่ต้องการ
|
หากเราเห็นว่าลำดับการนำเสนอสไลด์นั้นไม่ต่อเนื่องกันเท่าที่ควร ก็สามารถเคลื่อนย้ายสไลด์ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ ซึ่งในหัวข้อนี้เราจะสามารถใช้มุมมองภาพนิ่งช่วยในการเคลื่อนย้ายสไลด์ โดยมีขั้นตอนดังนี้
หรือถ้าต้องการให้เห็นว่ามีการย้ายสไลด์ที่ชัดเจนสามารถทำได้อีกวิธีหนึ่ง ดังนี้
|
3969
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3969
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกสไลด์ด้วยการคัดลอกสไลด์
|
หากเราต้องการสร้างสไลด์แผ่นใหม่ขึ้นในงานของเรา โดยที่สไลด์ใหม่นี้มีรูปแบบคล้ายกับสไลด์ที่มีอยู่ในไฟล์งานเดียวกัน ก็อาจใช้วิธีคัดลอกสไลด์ที่มีอยู่แล้วมาเป็นสไลด์ใหม่ ซึ่งหลังจากนั้นก็เหลือเพียงการวางองค์ประกอบต่างๆ และแก้ไขตกแต่งบางด้าน ซึ่งทำให้การสร้างสไลด์ที่คล้ายๆ กันรวดเร็วกว่าเดิม
|
3970
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3970
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การจัดเรียงข้อความในมุมมอง Outline
|
ในการสร้างงานพรีเซนเตชั่นในขั้นแรก เราจะต้องวางโครงร่างสำหรับสไลด์แต่ละแผ่น ที่ประกอบด้วยหัวข้อหลัก หัวข้อรองและเนื้อหา ซึ่งเราสามารถทำได้สะดวกโดยใช้มุมมอง Outline (เค้าโครง)
เริ่มต้นให้คลิกเมาส์ปุ่ม (เค้าโครง) เพื่อเปลี่ยนเป็นมุมมอง Outline จากนั้นแสดงหน้าต่างการทำงานในมุมมอง Outline และจะปรากฏแถบเครื่องมือสำหรับใช้ในการปรับแต่งหัวข้อ และเนื้อความต่างๆ ดังนี้
สำหรับปุ่มต่างๆ บนแถบเครื่องมือ Outline (เค้าโครง) พอสรุปได้ ดังนี้
|
3971
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3971
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดชื่อเรื่องของสไลด์
|
ถ้าเราเริ่มสร้างงานพรีเซนเตชั่น โดยเลือก File>New>Presentation (แฟ้ม> ใหม่>งานนำเสนอ) และเข้าสู่มุมมอง Outline โดยการคลิกเมาส์ปุ่ม (เค้าโครง) ก็จะพบกับที่เป็นไอคอนแทนสไลด์แผ่นแรกใน งานพรีเซนเตชั่น ซึ่งเราสามารถกำหนดหัวข้อของสไลด์ได้ ดังนี้
หลังจากที่เราได้ใส่รายละเอียดในหัวข้อย่อยแล้ว จากนั้นให้ทำการกด เพื่อสร้างหัวข้อถัดไป ซึ่งหัวข้อใหม่นั้นก็จะอยู่ในระดับเดียวกับหัวข้อย่อย แต่ถ้าเราต้องการให้หัวข้อใหม่นี้กลับมาเป็นหัวข้อหลักก็สามารถทำได้ดังนี้
|
3972
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3972
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับเปลี่ยนลำดับสไลด์/หัวข้อ
|
เมื่อเราต้องการเปลี่ยนลำดับสไลด์/หัวข้อ ในโปรแกรม Impress นี้ ก็สามารถทำได้โดยเลือกที่หัวข้อ จากนั้นคลิกที่ หรือ เพื่อปรับลำดับหัวข้อ ดังนี้
|
3973
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3973
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การลบสไลด์/หัวข้อ
|
เมื่อใดที่ต้องการลบสไลด์ หรือหัวข้อในมุมมองโครงร่าง ให้คลิกเมาส์และเลือกข้อความที่เราต้องการจะลบ และให้ลบโดยกดคีย์ ข้อความก็เลือกไว้จะถูกลบออกไป ดังรูป
|
3974
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3974
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/แสดงหรือซ่อนหัวข้อในสไลด์
|
ถ้าในโครงร่างของสไลด์ที่เราจะนำเสนอประกอบด้วยสไลด์ และหัวข้อจำนวนมาก เราอาจต้องการสั่งให้ซ่อนหัวข้อในสไลด์แต่ละแผ่นเพื่อให้เห็นเค้าโครงได้ชัดเจน และจัดลำดับเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
ซึ่งเราสามารถทำได้ 2 วิธี คือ
วิธีที่ 1 เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่สัญลักษณ์หน้าสไลด์ หัวข้อในสไลด์นั้นจะถูกซ่อน และการดับเบิ้ลคลิกที่สัญลักษณ์หน้าสไลด์นั้นอีกครั้งจะเป็นการนำหัวข้อในสไลด์กลับมาแสดงดังเดิม
ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะเป็นการแสดงหรือซ่อนหัวข้อในสไลด์ในหัวข้อที่ 1
วิธีที่ 2 การคลิกเมาส์ปุ่ม เพื่อนำเสนอเฉพาะหัวข้อใหญ่ในหน้าจอนำเสนอนั้นๆ และเมื่อคลิกเมาส์ปุ่ม จะเป็นการนำเสนอให้เห็นหัวข้อทั้งหมดในหน้าจอนำเสนอนั้น
ในตัวอย่างต่อไปนี้ จะเป็นการแสดงหรือซ่อนหัวข้อในสไลด์ในหัวข้อย่อยที่ 1
|
3975
|
6169
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3975
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใช้คำสั่ง Undo เพื่อยกเลิกข้อผิดพลาด
|
ในขณะที่เราสร้างสไลด์อยู่นั้น ถ้าหากเราใช้คำสั่งผิดให้ใช้คำสั่ง Undo (เลิกทำ) เพื่อยกเลิกคำสั่งที่ได้กระทำไปครั้งล่าสุดได้ เช่น ถ้าเราสั่งลบข้อมูลโดยไม่ได้ตั้งใจให้คลิกเมาส์เลือก (Undo) ในแถบเครื่องมือทันทีข้อมูลที่ถูกลบไปจะถูกคืนกลับมา ดังรูป
ถ้าเราเปลี่ยนใจไม่ต้องการยกเลิกคำสั่งนั้นหลังจากที่ได้ใช้คำสั่ง (Undo) ไปแล้ว ให้คลิกเมาส์ที่ Redo (ทำซ้ำ) ทันทีเพื่อให้ข้อมูลกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
NOTE
"ในกรณีที่เราใช้คำสั่งผิดแต่ทราบภายหลังจากที่ได้ใช้ไปแล้วอีกหลายคำสั่ง เราจะต้องยกเลิกคำสั่งทั้งหมดที่ได้ทำ หลังจากคำสั่งผิดนั้นก่อนจึงจะใช้ Undo ยกเลิกคำสั่งที่ต้องการได้ ซึ่งทำได้โดยการคลิกเมาส์ปุ่ม ไปเรื่อยๆ โดยที่โปรแกรมนำเสนอจะบันทึกคำสั่งต่างๆ ที่เราได้กระทำไปล่าสุด 20 คำสั่ง ซึ่งเราสามารถสั่งยกเลิกได้ทีละคำสั่งเมื่อกดปุ่ม และถ้าหากเราเปลี่ยนใจไม่ต้องการยกเลิกคำสั่งที่ได้เพิ่ง Undo เราจะต้องคลิกเมาส์ปุ่ม ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทำคำสั่งต่างๆ ที่เราได้สั่งยกเลิกไป"
|
3976
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3976
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การย่อ/ขยายมุมมอง
|
เราสามารถย่อ/ขยายมุมมองของหน้าต่างทำงานที่แสดงสไลด์ได้เช่นถ้าในสไลด์แผ่นหนึ่งมีองค์ประกอบจำนวนมากเราอาจย่อมุมมองหน้าต่างเพื่อให้แสดงองค์ประกอบเหล่านี้ได้มากขึ้นหรือเราอาจสั่งขยายมุมมองหน้าต่างเพื่อแสดงข้อมูลให้ใหญ่ขึ้นได้ในกรณีที่องค์ประกอบต่างๆในสไลด์มีขนาดเล็กจนมองเห็นไม่สะดวกโดยใช้เครื่องมือย่อ/ขยายบนแถบเครื่องมือดังรูป
|
3977
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3977
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เส้นบอกแนว
|
ถ้าในสไลด์มีองค์ประกอบต่างๆ เช่น ภาพ หรือข้อความที่เราต้องการจัดเรียงให้เป็นระเบียบในแนวเดียวกัน การใช้เส้นบอกแนวจะช่วยในการเปรียบเทียบตำแหน่งขององค์ประกอบเหล่านี้ได้
• Visible Grid (มองเห็นเส้นแนว) ทำให้มองเห็นเส้นแนวทั้งแนวตั้งและแนวนอน
• Snap to Grid (ยึดตามเส้นตาราง) จัดวัตถุให้มาชิดกับเส้นแนว
• Grid to Front (เส้นแนวอยู่ด้านหน้า) แสดงเส้นแนวอยู่ด้านหน้าเสมอ
|
3982
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3982
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การใส่ข้อความลงในสไลด์
|
ถ้าเราใช้รูปแบบสไลด์อัตโนมัติในการสร้างสไลด์ จะเห็นว่าที่สไลด์นั้นจะปรากฏกรอบเค้าโครง สำหรับให้เราพิมพ์ข้อความเข้าไปในสไลด์ได้ ซึ่งการพิมพ์ข้อความลงในสไลด์มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
|
3983
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3983
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเลือกข้อความและการทำงานกับกล่องข้อความ
|
เมื่อสร้างข้อความขึ้นมาแล้ว เราสามารถปรับแต่งข้อความ และจัดวางตำแหน่งกรอบข้อความให้เข้ากับงานนำเสนอ ดังหัวข้อต่อไปนี้
ปรับขนาดกล่องข้อความ.
เมื่อเราต้องการปรับขนาดของกล่องข้อความสามารถทำได้ดังนี้
|
3985
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3985
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/หมุนกล่องข้อความ
|
เราจะหมุนกล่องข้อความให้จัดวางในแนวที่ต้องการ โดยคลิกปุ่ม ในแถบเครื่องมือ และเลื่อนเมาส์ไปที่มุมของกล่องข้อความ ตัวชี้เมาส์จะเป็นรูป จากนั้นคลิกลากเมาส์หมุนกล่องข้อความตามที่ต้องการ
|
3987
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3987
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดรูปแบบและขนาดตัวอักษรให้กับข้อความในสไลด์
|
เราสามารถกำหนดรูปแบบตัวอักษรให้กับข้อความแต่ละส่วน เพื่อความสวยงามและเน้นส่วนที่สำคัญหรือเป็นหัวข้อได้
การปรับเปลี่ยนรูปแบบตัวอักษรภาษาอังกฤษ.
Uppercase - ตัวพิมพ์ใหญ่
Lowercase - ตัวพิมพ์เล็ก
|
3988
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3988
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/กำหนดข้อความเป็นตัวหนา-ตัวเอนและขีดเส้น
|
เป็นการปรับแต่งเน้นตัวอักษร เริ่มจากให้เราเลือกข้อความ และกำหนดลักษณะตัวอักษรเป็นแบบต่างๆ โดยใช้ปุ่มคำสั่งในแถบเครื่องมือ ได้แก่
กำหนดตัวหนาให้กับข้อความ
กำหนดตัวเอนให้กับข้อความ
ขีดเส้นใต้ให้กับข้อความ
กำหนดรูปแบบการแสดงตัวอักษรอีกวิธี.
เป็นการกำหนดตัวอักษจากแถบคำสั่ง โดยใช้คำสั่ง Format>Character... (รูปแบบ>อักขระ) ซึ่งจะมีการกำหนดค่าต่างๆ ได้มากกว่าเดิม อาทิเช่น รูปแบบของตัวอักษร ลักษณะและตำแหน่งของตัวอักษรได้ ดังรูป
|
3989
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3989
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/จัดข้อความให้อยู่กึ่งกลางชิดซ้ายหรือชิดขวา
|
เป็นการจัดหน้าเอกสารให้ข้อความอยู่กึ่งกลางชิดซ้ายหรือชิดขวาเริ่มต้นให้เราเลือกข้อความและเลือกปุ่มคำสั่งในแถบเครื่องมือดังนี้
ในตัวอย่างนี้จะเลือกการจัดข้อความให้อยู่กึ่งกลางโดยการคลิกเมาส์ปุ่ม
|
3990
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3990
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ตกแต่งข้อความโดยการใช้สี
|
เราสามารถกำหนดสีและสีพื้นให้กับข้อความในสไลด์ เพื่อเน้นข้อมูลสำคัญและเพิ่มสีสันได้ โดยให้เราเลือกข้อความ และคลิกเมาส์ปุ่ม เพื่อปรับสีข้อความที่ต้องการ
|
3991
|
7488
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3991
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/ใส่ตัวเลขแสดงลำดับหัวข้อหรือสัญลักษณ์แสดงหัวข้อ(Bullet)
|
การใส่ตัวเลขลำดับหรือสัญลักษณ์นำหน้าแต่ละหัวข้อในสไลด์ จะทำให้เรานำเสนอแต่ละหัวข้อแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน เริ่มต้นให้เราเลือกข้อความ และคลิกเมาส์ปุ่ม เพื่อแสดงลำดับหัวข้อขึ้นมาโดยอัตโนมัติ มีขั้นตอนดังนี้
การใช้ Bullets รูปแบบอื่นๆ.
นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะใช้ Bullets รูปแบบอื่นๆ ได้โดยการเลือกคำสั่ง Format>Bullets and Numbering (รูปแบบ>รายการและรายการลำดับ) ดังตัวอย่างต่อไปนี้
|
3993
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3993
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังสไลด์
|
เราจะสังเกตได้ว่า สไลด์ที่เราสร้างขึ้นมาหากมีการตกแต่งสีลงในพื้นหลัง ก็จะช่วยให้สไลด์นั้นดูกลมกลืนสวยงาม ซึ่งการเปลี่ยนพื้นหลังสไลด์นี้มีวิธีการ 4 อย่าง นั่นคือ
• การใส่สีในพื้นหลัง
• การไล่โทนสีเป็นพื้นหลัง
• การใส่สีแบบแรเงาในพื้นหลัง
• การใส่ภาพแบบบิตแมปในพื้นหลัง
ในบทนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดของวิธีการเปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ โดยแบ่งเป็นเปลี่ยนพื้นหลังเฉพาะพื้นที่วัตถุ และพื้นหลังทั้งแผ่นตามหัวข้อต่อไปนี้
|
3994
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3994
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การเปลี่ยนพื้นหลังเฉพาะพื้นที่วัตถุ
|
การกำหนดสีให้กับพื้นหลัง.
เริ่มต้นให้เลือกวัตถุที่ต้องการใส่สีพื้นหลัง จากนั้นเลือก Format>Area (รูปแบบ> พื้นที่) และกำหนดสีพื้นหลัง ดังนี้
การไล่ระดับสีในพื้นหลัง.
เราจะไล่ระดับสีตกแต่งพื้นหลัง โดยคลิกเลือกวัตถุที่ต้องการไล่ระดับสี จากนั้นเลือกคำสั่ง Format>Area (รูปแบบ>พื้นที่) และกำหนดสีพื้นหลังแบบ Gradient (ไล่ระดับสี) ดังนี้
การลงลายเส้นตกแต่งพื้นหลัง.
เป็นการเลือกรูปแบบการตกแต่งพื้นหลังเป็น Hatching (การลงลายเส้น) จากนั้นให้เลือกรูปแบบของลายเส้น ดังตัวอย่างจะเลือกสีดำ -45 องศา ดังนี้
กำหนดการไล่ระดับสีในพื้นหลังด้วยตัวเอง.
เป็นการกำหนดค่าการไล่ระดับสีขึ้นมาใช้เองได้ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
ในข้อ 3 ให้เราปรับค่าคุณสมบัติต่างๆ ตามที่ต้องการ โดยที่
• เลือกชนิดเป็นเส้นตรง
• เลือกมุมเป็น 30 องศา
• เลือกเส้นขอบเป็น 15%
• เลือกสีจากฟ้าอ่อน พร้อมกับกำหนดค่าเปอร์เซ็นต์ของสี
• เลือกสีเหลือง พร้อมกับกำหนดค่าเปอร์เซ็นต์ของสี
TIP
"ถ้าเราต้องการปรับแต่งสีที่เลือกนั้น สามารถทำได้โดยการเลือกแท็บสี จากนั้นทำการกำหนดค่าคุณสมบัติของสีตามต้องการ ดังรูป"
การกำหนดพื้นหลังเป็นภาพบิตแมป.
เป็นการตกแต่งพื้นหลังด้วยรูปภาพ ซึ่งจะดูแปลกไปจากภาพลายเส้นแบบเวกเตอร์ และทำให้พื้นหลังของสไลด์มีความสวยงามมากขึ้นด้วย มีขั้นตอนดังนี้
|
3995
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3995
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/เปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ทั้งแผ่น
|
เป็นการตกแต่งพื้นหลังสไลด์ทั้งแผ่น โดยเลือกคำสั่ง Format>Page (รูปแบบ> หน้า) จากนั้นกำหนดรูปแบบของพื้นหลังตามที่ต้องการ ดังนี้
TIP
"สำหรับการเลือกสีให้กับพื้นหลังแบบอื่นๆ ก็ทำเหมือนกับตัวอย่างที่ผ่านมาในหัวข้อ "การเปลี่ยนพื้นหลังเฉพาะชิ้นงาน""
การยกเลิกการเปลี่ยนพื้นหลังให้สไลด์.
ในกรณีที่เราต้องการยกเลิกคำสั่งการเปลี่ยนพื้นหลังสไลด์ สามารถทำได้ตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
|
3996
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3996
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การนำเสนองานด้วยภาพ
|
ภาพที่นิยมมาใช้ตกแต่งอยู่ในสไลด์นั้นมี 2 รูปแบบ ดังนี้
ภาพกราฟิกแบบ Vector เป็นภาพที่เกิดจากการวาดเส้นตรง เส้นโค้ง รูปทรงเรขาคณิต และตัวอักษร โดยภาพชนิดนี้จะถูกจัดเก็บในลักษณะการประมวลผลเป็นสูตรคณิตศาสตร์ ได้แก่ ไฟล์ฟอร์แมต .wmf (Microsoft Windows Metafile)
ภาพกราฟิกแบบ Raster คือภาพที่สแกนมาจากเครื่องสแกน และภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลโดยภาพจะประกอบไปด้วยจุดเล็กๆ ได้แก่ ไฟล์ฟอร์แมต
• .bmp (Bitmap)
• .cgm (Computer Graphic Metafile)
• .gif (Graphics Interchange Format)
• .png (Portable Network Graphics)
|
3997
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3997
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การแทรกภาพลงในสไลด์
|
การแทรกภาพประกอบเพื่อสื่อความหมายเนื้อหาในสไลด์ ทำได้โดย เลือกคำสั่ง Insert>Picture>From File (แทรก>รูปภาพ>จากแฟ้ม) (หรือคลิกเมาส์ปุ่ม) และเข้าไปเลือกไฟล์ภาพที่ต้องการ มีขั้นตอนดังนี้
|
3998
|
5255
|
https://th.wikibooks.org/wiki?curid=3998
|
โอเพนออฟฟิศดอตอ็อก/การปรับแต่งภาพ
|
ภาพที่เรานำมาตกแต่งสไลด์จะถูกจัดเป็นวัตถุ ซึ่งเราสามารถปรับแต่งขนาด ขยาย จัดเรียง และหมุน ได้ด้วยวิธีเดียวกันที่ใช้จัดการวัตถุต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในบท "ตกแต่งสไลด์ด้วยภาพ" โดยจะมีแถบเครื่องมือสำหรับปรับแต่งภาพแสดงดังรูป
ในแถบเครื่องมือที่ปรากฏบนหน้าจอจะประกอบด้วยเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้สำหรับตกแต่งภาพโดย มีรายละเอียดดังนี้
|
End of preview. Expand
in Data Studio
README.md exists but content is empty.
- Downloads last month
- 24